เชียงราย – เปิดท่าสถานีขนส่งใหม่เมืองพ่อขุนฯเป็นทางการแล้ว รับการเชื่อมโยงคมนาคมสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ พร้อมเสนอให้ที่ดินฟรีตั้งกงสุลจีนเชียงรายต่อ หลังกลุ่มทุนจีนเข้าเช่าพื้นที่อาคารพาณิชย์บางส่วนเปิดสำนักงาน ประสานงานการให้บริการท่องเที่ยวถึงที่
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา น.ส.ปริยา อังสุวร รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ได้เดินทางไปเป็นประธานในการเปิดสถานีขนส่งผู้โดยสาร จ.เชียงราย แห่งที่ 2 ณ ต้นตะเคียนคู่ ต.สันทราย อ.เมือง จ.เชียงราย ใกล้กับสำนักงานหอการค้า จ.เชียงราย โดยมีนายสุเมธ แสงนิ่มนวล ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย นำคณะส่วนราชการและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องทั้งในประเเทศไทยและจากมณฑลหยุนหนัน จีนตอนใต้ เข้าร่วมในพิธีการเปิดด้วย
นายสุเมธ กล่าวว่า เนื่องจากสถานีขนส่งโดยผู้โดยสารแห่งเดิม ซึ่งตั้งอยู่บนถนนธนาลัย ใช้งานมามากกว่า 10 ปีแล้ว ปัจจุบันมีความแออัด และมีความไม่สะดวกในหลายๆ ด้าน และสิ่งสำคัญไม่สามารถขยายตัวเพื่อรองรับปริมาณรถและคนที่เพิ่มมากขึ้นได้อีก โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลต่างๆ
เช่น เทศกาลสงกรานต์ ปีใหม่ ฯลฯ ซึ่งจะมีนักท่องเดินทางไปเยือน จ.เชียงราย เป็นจำนวนมาก ต่อมานายศักดิ์ชัย เตชะไกรศรี นักธุรกิจส่งออกพืชผลทางการเกษตรรายใหญ่ได้บริจาคที่ดินจำนวน 8 ไร่พร้อมก่อสร้างสถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 2 ให้ฟรี ณ สถานที่ดังกล่าวเป็นมูลค่ารวมทั้งหมด 50 ล้านบาท จึงทำให้สถานีแห่งนี้ประสบความสำเร็จและเปิดใช้งานมาจนถึงปัจจุบันดังกล่าว
นายณัฐพล รัตนโสภณ ผู้จัดการโครงการก่อสร้างสถานีขนส่งผู้โดยสาร จ.เชียงราย แห่งที่สอง และผู้บริหารของบริษัทเหนือสุดศิวิไลซ์ คอมเพล็กซ์ จำกัด กล่าวว่า สถานีแห่งนี้จะให้บริการสำหรับรถยนต์หมวดที่ 1-3 คือหมวดที่ 1 เป็นรถเล็กโดยสาร เช่น ตุ๊กๆ สองแถว ฯลฯ หมวดที่ 2 เป็นรถโดยสารสายยาวระหว่างกรุงเทพฯ-เชียงราย และเชียงราย-กรุงเทพฯและหมวดที่ 3 เป็นรถโดยสารที่ให้บริการระหว่าง จ.เชียงราย กับต่างจังหวัดอื่นๆ
เช่น ชลบุรี พัทยา พิษณุโลก ลำปาง น่าน แพร่ ฯลฯ จะเหลือเพียงรถโดยสารที่อยู่ในหมวดที่ 4 คือรถเมล์โดยสารที่ให้บริการระหว่างสถานีกับอำเภอต่างๆ ตามปกติเท่านั้น ซึ่งก็จะช่วยลดปัญหาความแออัดของสถานีแห่งเก่าที่อยู่กลางใจเมืองเชียงรายได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ ยังเป็นแหล่งลงทุนทางธุรกิจที่สำคัญโดยล่าสุดพบว่า กลุ่มเอกชนที่ทำธุรกิจทัวร์จากประเทศจีน ได้เข้าเจรจาและประสานกับบริษัทเกี่ยวกับการขายธุรกิจทัวร์ลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งเอกชนจีนระบุว่าได้สัมปทานเดินรถโดยสารสายไทย-จีน ผ่านถนนอาร์สามเอ และในอนาคตก็จะมีรถโดยสารทัวร์ระหว่างประเทศไทย-สปป.ลาว-จีนตอนใต้
ดังนั้น เพื่ออำนวยความสะดวกต่อการท่องเที่ยวหลังการหารือทางบริษัทจึงเห็นว่าถ้ามีการจัดตั้งสถานกงสุลในพื้นที่ จ.เชียงราย จะทำให้ภาคการท่องเที่ยวของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงมีความคึกคักมากขึ้น
นายณัฐพล กล่าวอีกว่า ปัจจุบันสถานกงสุลของประเทศจีนในภาคเหนือของไทยอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ ขณะที่เมืองหน้าด่านที่นักท่องเที่ยวเข้าออกเพื่อเชื่อมประเทศไทยกับสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจไทย จีน สปป.ลาว และพม่า อย่างเชียงราย กลับไม่มีสถานที่อำนวยความสะดวกทำให้ไม่สะดวกเท่าที่ควร ทั้งด้านการติดต่อประสานงานของนักท่องเที่ยวและภาคธุรกิจ การทำหนังสือเดินทางระหว่างประเทศหรือพาสปอร์ต การขอวีซ่า
ขณะที่ในจีนตอนใต้เองก็มีสถานกงสุลของไทยอยู่ที่เมืองคุนหมิง เมืองหลวงของมณฑลหยุนหนัน ห่างจากเขตปกครองสิบสองปันนา มณฑลหยุนหนัน ซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านของจีนตอนใต้ไปทางทิศเหนือกว่า 500 กิโลเมตรด้วย ดังนั้นหากมีการจัดตั้งสถานกงสุลที่ จ.เชียงราย ทางจีนตอนใต้ก็คงจะมีการสร้างสถานกงสุลไทยแห่งใหม่ที่เขตปกครองสิบสองปันนาด้วย
นายณัฐพล กล่าวต่อว่า สำหรับการดำเนินการนั้นล่าสุดบริษัทได้ยื่นหนังสือไปยังคณะกรรมาธิการกิจการค้าชายแดนไทย สภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ช่วยผลักดันดำเนินการให้ประสบความสำเร็จ พร้อมทั้งบริษัทยินดีจะมอบที่ดินบริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารเชียงรายแห่งที่สองซึ่งได้มอบให้กับกรมขนส่งทางบกจำนวน 3 ไร่ เพื่อใช้สำหรับการก่อสร้างกงสุลดังกล่าวด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่า ในการเปิดงานดังกล่าวพบว่าได้มีกลุ่มทุนจีนจากสมาคมท่องเที่ยวเขตปกครองสิบสองปันนา มณฑลหยุนหนัน จีนตอนใต้ และเทียนเฉินทราเวิล กรุ๊ป ได้เดินทางไปร่วมด้วย โดยกลุ่มทุนนี้ได้เข้าไปจับจองอาคารพาณิชย์ของบริษัทเหนือสุดศิวิไลนซ์คอมเพล็กซ์ จำกัด บริเวณสถานีผู้โดยสารแห่งใหม่ดังกล่าวด้วยและได้มีการหารือเพื่อเชื่อมการโดยสารกับถนนอาร์สามเอใน สปป.ลาว มายังในประเทศไทย หลังจากได้สัมปทานรถโดยสารบนถนนอาร์สามเอเป็นเวลา 1 ปี รวมทั้งเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้มีการก่อตั้งสถานกงสุลของประเทศจีนประจำ จ.เชียงราย ดังกล่าวด้วย