xs
xsm
sm
md
lg

“สดศรี” ตวาดพรรคการเมืองแข่งกันแรงเกิน ชี้เล่นนอกสภาเพราะเอาอย่าง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ตราด - "สดศรี"ติง"แม้ว"พาดพิงองคมนตรี สะท้อนพรรคการเมืองเล่นกันแรงเกินไป แถมยังส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ชี้ควรสมานฉันท์พาประเทศเดินหน้า อ้าง เล่นการเมืองนอกสภาเพราะเอาอย่างกันมา ระบุไม่ใช่หน้าที่ กกต.ที่จะไปบควบคุม วอนทุกฝ่ายร่วมแก้ไข เตือนพรรคการเมืองให้แข่งขันกันแต่ในสภาฯ

วันที่ 28 มี.ค. นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด่านกิจการพรรคการเมือง เปิดเผยหลังเดินทางมาตรวจเยี่ยมสำนักงาน กกต.ตราด ถึงการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หนีคุก ที่มีข้อความกระทบกับสถาบันองคมนตรีและมีสมาชิกพรรคการเมืองอยู่เบื้องหลังว่า โดยความเห็นส่วนตัว ไม่ต้องการเห็นการแข่งขันและแบ่งขั้วแบ่งข้างอย่างรุนแรงเช่นนี้ ประชาชนไม่อยากเห็นเสื้อแดงเสื้อเหลือง ประเทศไทยขณะนี้ต้องสมานฉันท์กันเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไป ขณะที่เศรษฐกิจต่างประเทศมีวิกฤติและส่งผลกระทบมาสู่ประเทศไทย ประชาชนชาวไทยทุกคนจะต้องยุติปัญหาทั้งหมดแล้วเดินหน้าต่อไป

“สถานการณ์บ้านเมืองเป็นเช่นนี้ สถาบันทางการเมืองแต่กลับมาแข่งขันกันอย่างรุนแรงและยังส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการปกครองเป็นเรื่องที่ไม่ควรกระทำ มันไม่เหมาะสม ที่ผ่านมาพรรคการเมืองกระทำกันมานานแล้วสำหรับการเมืองนอกสภา และเป็นการกระทำที่ทำแบบเอาอย่างกันมา ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดีในระบอบประชาธิปไตย การแข่งขันกันควรจะอยู่ในสภามากกว่า”

ผู้สื่อข่าวถามว่า การเป็น กกต.ด้านดูแลกิจการพรรคการเมือง จะมีอำนาจในการควบคุมบทบาทหรือไม่ นางสดศรีกล่าวว่า บทบาทนี้ไม่ใช่ของ กกต.แต่เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายจะต้องดูแล ในเรื่องนี้ กกต.เป็นหน่วยงานเล็กๆ อันหนึ่ง ในการจัดการเลือกตั้ง ดูแลงบประมาณที่พรรคการเมืองรับไป คือจะต้องดูแลให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ส่วนเรื่องการเมืองที่เกิดความวุ่นวายในขณะนี้ ทุกฝ่ายจะต้องรับผิดชอบ และควรจะทำให้เกิดความสมานฉันท์ในบ้านเมืองให้เร็วที่สุด

ส่วนกรณีที่สถาบันปกเกล้ากำลังเป็นเจ้าภาพในการปฏิรูปการเมืองควรจะมีการกำหนดบทบาทของพรรคการเมืองให้ชัดเจนไปเลย แต่ต้องเป็นหลายส่วนในการที่จะเข้ามาปฏิรูปการเมือง อย่างไรก็ตามหากจะร่างกฎหมายปฏิรูปการเมืองขึ้นมา แต่ไม่ร่วมมือกันทำ ร่วมมือกันปฏิบัติตามกรอบของกฎหมายมันก็ไม่มีทางที่จะยุติปัญหาได้ คิดว่าเรื่องนี้ทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือกันทำ และการปฏิรูปการเมืองไม่ต้องเขียนเป็นกฎหมายก็ได้ จะทำอย่างไรก็สามารถจับมือกันได้ จะได้เดินทางไปด้วยความถูกต้อง

ในส่วนของนายวิสุทธิ์ โพธิแท่น ที่ได้รับการคัดเลือกจากองค์กรทั้ง 7 ให้เป็นกรรมการการเลือกตั้งคนใหม่แทนนายสุเมธ อุปนิสากร ที่อายุครบ 70 ปีนั้น ขั้นตอนจะต้องส่งไปที่วุฒิสภาเพื่อลงมติก่อนนั้น

นางสดศรีระบุว่า ก่อนหน้านี้ นายวิสุทธิ์ โพธิแท่น เคยดำรงตำแหน่ง กกต.มาครั้งหนึ่งแล้วและได้ลาออกไป จากนั้นไปดำรงตำแหน่ง ป.ป.ช. แต่เกิดปัญหาเรื่องการขึ้นเงินเดือนตัวเอง ทำให้ต้องออกจากตำแหน่งหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง ได้สั่งลงโทษจำคุก และรองลงอาญา แต่มีกฎหมายนิรโทษกรรมออกมา ติดทางวุฒิสภาจะต้องลงมติรับหรือไม่รับ หากรับก็ดำรงตำแหน่ง กกต.ได้ แต่หากไม่รับก็จะต้องให้องค์กรทั้ง 7 พิจารณาอีกครั้งว่า จะค้านหรือเห็นด้วยกับมติของวุฒิสภา หากเห็นด้วยก็ต้องเลือกคนใหม่ หากไม่เห็นด้วยก็ดำรงตำแหน่งได้เลย

“กกต.ทั้ง 4 คน ยินดีต้อนรับคุณวิสุทธิ์ โพธิแท่น ที่จะมาดำรงตำแหน่ง กกต.อีกครั้ง อย่างไรก็ตามคิดว่า 4 ดีกว่า หรือ 5 ดีกว่า 4 แต่คิดว่า 5 ดีที่สุด เพราะว่าเวลาลงมติมีหลายครั้งที่มีมติเท่ากัน และกฎหมายเขียนไว้ว่า ต้องให้ประธาน กกต.ตัดสินใจ ซึ่งการมีมติที่เฉียดฉิวจึงควรจะมี กกต.คนที่ 5 ซึ่งมั่นใจว่าจะทำงานไปด้วยดี” นางสดศรีกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น