พิษณุโลก – ลูกสาว “จ่าทวี” จัดงานฟื้น “พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านจ่าทวี” เพื่อความอยู่รอด เชิญ “ศ.พิเศษ ศรีศักร วัลลิโภดม” ร่วมเสวนา ชำแหละประวัติศาสตร์พิษณุโลก และฟังดนตรี “สุรชัย จันทิมาธร-หงา คาราวาน” 1 เมษายนนี้
น.ส.พรศิริ บูรณะเขตต์ ลูกสาวจ่าสิบเอกทวี บูรณะเขต เจ้าของพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านจ่าทวี เปิดเผยว่า พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อด้วยพ่อของตน ได้รวบรวมองค์ความรู้ท้องถิ่นให้ สะสมสิ่งของที่เคยใช้ในสังคมชุมชนต่างๆ บ่งชี้ให้เห็นคุณค่าของวิถีชีวิตชุมชน เป็นแหล่งเผยแพร่ให้เด็กรุ่นใหม่ทราบถึงรากเหง้าของคนท้องถิ่น เสมือนเป็นประวัติศาสตร์ของเมืองพิษณุโลก แต่วันนี้ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ไม่รู้ว่าจะอยู่รอดด้วยตนเองอีกนานแค่ไหน หลังจากที่แบกภาระมานาน
ก่อนหน้านี้ตนและกลุ่มองค์กรพัฒนาเอกชนเคยร่วมกันจัดงาน “ฟื้นฟูวิถีชุมชน ชื่นชมฅน ท้องถิ่น” เพื่อจัดหารายได้ แม้ตัวเงินจะได้มาแต่ก็ไม่พอหล่อเลี้ยงพิพิธภัณฑ์ให้ยั่งยืน แต่เป้าประสงค์ต้องการให้กำลังใจคนที่ก่อสร้างขึ้นมากับมือ ซึ่งก็คือจ่าทวี และต้องการให้คนรุ่นหลังสานงานต่อไม่ให้เงียบหายไป เพื่อเป็นการเผยแพร่และรักษาวิถีชีวิตวัฒนธรรมในท้องถิ่น
ดังนั้น จึงจะจัดงาน “สรลวง สองแคว” ขึ้นในวันที่ 1 เมษายน 2552 อีกครั้งหนึ่ง เพื่อหาทุนสมทบหล่อเลี้ยงพิพิธภัณฑ์ให้อยู่รอดไปสักระยะ โดยในช่วงบ่ายวันดีงกล่าว จะจัดงานวัฒนธรรมผ่านประวัติศาสตร์ท้องถิ่น โดยเชิญ ศ.พิเศษ ศรีศักร วัลลิโภดม นักประวัติศาสตร์ ร่วมเสวนาชำแหละประวัติศาสตร์ของเมืองพิษณุโลก และในช่วงเย็นจนถึงค่ำคืน ฟังดนตรีเพื่อชีวิตจาก “สุรชัย จันทิมาธร” หรือ หงา คาราวาน พร้อม หว่อง- มงคล อุทก และกลุ่มเพื่อนศิลปินดนตรี นอกจากนี้ สิบเอกทวี บูรณะเขต ยังได้หล่อพระบูชาพระพุทธชินราชเพื่อเป็นการจัดหารายได้อีกด้วย
ลูกสาว“ จ่าสิบเอกทวี” ผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านจ่าทวี เผยอีกว่า ปัจจุบันพิพิธภัณฑ์จ่าทวี มีรายได้ค่าเข้าชมประมาณ 3 หมื่นบาทต่อเดือน แต่ละเดือนมีค่าใช้จ่ายค่าพนักงานดูแลจำนวน 7 คน หากคิดเป็นค่าแรงประมาณ 200 บาทต่อวัน รวมค่าใช้จ่ายอย่างอื่นแล้วก็ 2 พันบาทต่อวัน ซึ่งเทียบเป็นเดือนแล้วก็ต้องมีต้นทุนค่าใช้จ่าย 5-6 หมื่นบาท มีวันหยุดเพียงวันเดียวคือ วันจันทร์ โดยมีนักท่องเที่ยวจากกรุ๊ปทัวร์ในประเทศเป็นส่วนใหญ่ แต่ขณะนี้นักท่องเที่ยวนหดหายไปมาก และตนไม่อยากให้พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ หายไปจากคนเมืองพิษณุโลก ที่ประคองอยู่ได้ก็ด้วยใจรัก