บุรีรัมย์ - พบฝูงเหลือบ “นายทุนเงินกู้นอกระบบ” ปล่อยกู้โหดหากินกับ “เช็คช่วยชาติ” นั่งรอทวงหนี้ปชช.หลังนำเช็คขึ้นเงิน เผยขูดรีดดอกเบี้ย 20% ปล่อยกู้ 1,800 บาท จ่ายคืน 2,000บาท ขณะผู้ขับขี่ จยย.รับจ้างร้องรัฐบาลจ่ายเช็คช่วยชาติ อ้างเป็นผู้มีรายได้น้อยได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจเช่นกันและเสียภาษีอย่างเช่นผู้มีรายได้น้อยกลุ่มอื่น ๆ
วันนี้ (26 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่บริเวณศาลาประชาคมจังหวัดบุรีรัมย์ นายมงคล สุระสัจจะ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นประธานพิธีมอบเช็คช่วยชาติ 2,000 บาท ตามโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ ใบแรกของจังหวัดบุรีรัมย์ ให้กับ นางธัญนันท์ บูรณะขจร ผู้ประกันตนตา มาตรา 33 จากนั้น ผู้ประกันตน ที่มีรายชื่อรับเงินช่วยเหลือค่าครองชีพตามโครงการฯของรัฐบาล ในเขตพื้นที่อำเภอเมืองบุรีรัมย์ กว่า 2,000 คน ได้เข้าคิวรับเช็คช่วยชาติกับเจ้าหน้าที่ในวันแรกกันอย่างคึกคัก
ขณะเดียวกันได้มีเจ้าหน้าที่ของทางธนาคารมาให้บริการเบิกจ่ายเงินกับผู้ประกันตน ที่ต้องการนำเช็คมาขึ้นเงินสดด้วย
จากข้อมูลจังหวัดบุรีรัมย์มีผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และมาตรา 39 ที่มีรายได้ต่ำกว่าเดือนละ 15,000 บาท มีสิทธิรับเงินช่วยเหลือค่าครองชีพทั้งสิ้นจำนวน 36,409 ราย ซึ่งทางหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน ได้แบ่งพื้นที่เพื่อออกจ่ายเช็คให้ตามสถานประกอบการ หรือสถานที่ที่กำหนดไว้ให้ครบทุกราย เพื่ออำนวยความสะดวกและลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้กับแรงงานดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวแจ้งว่า ระหว่างการรับเช็คช่วยชาติ และขึ้นเงินกับทางธนาคาร ของผู้ประกันตนที่มีรายได้น้อยดังกล่าว ปรากฏว่าได้มีกลุ่มนายทุนเงินกู้นอกระบบ ชาย -หญิง ที่ปล่อยเงินกู้ให้กับผู้มีสิทธิได้รับเช็คช่วยชาติ 2,000 บาทโดยปล่อยกู้ไปก่อนหน้านี้แล้วรายละ1,800 บาท และ คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 20 บาท ได้มานั่งรอเก็บหนี้เงินกู้พร้อมดอกเบี้ยรวมเป็นเงิน 2,000 บาท กับผู้ที่มารับเช็คช่วยชาติ ตามสถานที่ต่างๆ ที่หน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงานกำหนดไว้เช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติม ว่านอกจากนี้ผู้มีอาชีพขับขี่รถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง วินสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดบุรีรัมย์กว่า 90 คัน ได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณาจ่ายเช็คช่วยชาติ 2,000 บาทให้กับกลุ่มผู้ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์รับจ้างเพื่อนำไปใช้จ่ายในครอบครัว
โดยอ้างว่าผู้ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ก็เป็นผู้มีรายได้น้อยต่ำกว่าเดือนละ 15,000 บาทเช่นกัน แต่ไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคม ซึ่งแต่ละปีได้เสียภาษีทั้งรถจักรยานยนต์ ที่ดิน และอื่นๆ เช่นเดียวกับลูกจ้างบริษัท หรือพนักงานราชการที่อยู่ในระบบประกันสังคม
นายลือเกียรติ ตั้งประโคน อายุ 46 ปี รองหัวหน้าวินมอเตอร์ไซด์รับจ้าง วินสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า ผู้มีอาชีพขับรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ จากเดิมเคยมีรายได้วันละ 4 00– 500 บาท ปัจจุบันเหลือเพียงวันละ 100- 200 บาทเท่านั้น แต่กลับมีค่าใช้จ่ายทั้งค่าน้ำมัน และภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้น น่าจะได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลเหมือนกับผู้ที่อยู่ในระบบประกันสังคมเช่นเดียวกัน
ด้านนายบัวพันธ์ ควินรัมย์ อายุ 42 ปี ผู้มีอาชีพขับมอเตอร์ไซค์รับจ้างอีกราย กล่าวว่า รัฐบาลควรให้ความเป็นธรรมกับประชาชนทุกคนอย่างเสมอภาค ไม่ควรเลือกปฏิบัติ หากจะช่วยก็ควรช่วยเหลือให้ทั่วถึงทุกสาขาอาชีพ ที่มีรายได้น้อยกว่า 15,000 บาท จึงเรียกร้องให้รัฐบาลได้เร่งพิจารณาสำรวจจ่ายเงินช่วยเหลือให้กับผู้มีอาชีพขับขี่มอเตอร์ไซด์รับจ้างโดยเร็ว
