เชียงราย – ศาลอุทธรณ์ภาค 5 สั่งพักงานนายกเทศมนตรีนครเชียงรายแล้ว
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า วันนี้ (25 มี.ค.) นายทวี ธรรมอดิศัย ปลัดเทศบาลนครเชียงราย จ.เชียงราย เปิดเผยว่าเทศบาลได้รับหนังสือจากศาลอุทธรณ์ภาค 5 จ.เชียงใหม่ เรื่อง "แจ้งคำสั่งรับคำร้องขอให้จัดการเลือกตั้งใหม่" มีไปถึงนายสมพงษ์ กูลวงษ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงราย
โดยมีเนื้อหาระบุว่าจากกรณีที่ศาลอุธรณ์ภาค 5 มีคำสั่งรับคำร้องตามคดีหมายเลขดำที่ ลต 7/2552 ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ร้องต่อนายสมพงษ์ กูลวงค์ ว่าควรให้มีการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครเชียงรายใหม่ แทนนายสมพงษ์ เมื่อวันที่ 19 มี.ค.2552 เอา ไว้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2550 มาตรา 219 วรรคสาม และมาตรา 239 วรรคท้าย ประกอบมาตรา 236 วรรคสองและวรรคสามกับระเบียบที่ประชุมใหญ่ ศาลฎีกาว่าด้วยวิธีพิจารณาและวินิจฉัยคดีที่เกี่ยวกับการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น 2550
“ศาลอุทธรณ์ภาค 5 จึงขอแจ้งการรับคำร้องในคดีดังกล่าวให้ท่านทราบ เพื่อปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 239 วรรคท้าย ประกอบมาตรา 239 วรรคสองและวรรคสามต่อไป” หนังสือระบุ
นายทวีกล่าวว่า เนื้อหาของมาตรา 239 คือ หาก กกต.ได้มีการประกาศผลการเลือกตั้งไปแล้ว แต่ต่อมา กกต.เห็นควรให้มีการเลือกตั้งใหม่หรือเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง โดยยื่นคำร้องต่อศาลและต่อมาศาลได้รับคำร้องก็จะทำให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นผู้นั้นไม่สามารถปฎิบัติหน้าที่ต่อไปไม่ได้ ดังนั้นจึงทำให้นายสมพงษ์ ต้องหยุดปฎิบัติหน้าที่ก่อนเป็นการชั่วคราว เพื่อรอการพิจารณาของศาลต่อไป
ด้าน นายสมพงษ์ กล่าวว่า ตนได้รับหนังสือจากศาลอุธรณ์ภาค 5 เรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ทราบในรายละเอียดว่าถูกกล่าวหาอย่างไร เพราะได้รับแจ้งเพียงแค่หลักวิธีการปฏิบัติตามมาตราต่างๆ ของรัฐธรรมนูญกรณีที่ศาลได้รับคำร้องเท่านั้น แต่ก็พร้อมจะปฏิบัติตามกฎหมายโดยหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส่วนรายละเอียดคงต้องรอให้มีหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อจะได้ไปชี้แจงต่อศาลต่อไป
“ช่วงหยุดปฏิบัติหน้าที่ก็จะมีนายปรีชา พัวนุกุลนนท์ รองนายกเทศมนตรีคนที่ 1 ทำหน้าที่รักษาราชการแทนนายกเทศบาลนครเชียงรายโดยที่ฝ่ายบริหารไม่ต้องยุติบทบาททั้งหมด ทำให้การบริหารงานของเทศบาลยังคงเดินหน้าต่อไป” นายสมพงษ์ กล่าวและว่า
ยอมรับว่ารู้สึกแปลกใจเกี่ยวกับการร้องเรียนตนจนเป็นที่มาของคำสั่งดังกล่าวมา เพราะมั่นในใจว่าไม่ได้กระทำความผิดและฝ่าฝืนกฎหมายการเลือกตั้ง ดังนั้นจะชี้แจงต่อศาลให้ดีที่สุดต่อไป
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า วันนี้ (25 มี.ค.) นายทวี ธรรมอดิศัย ปลัดเทศบาลนครเชียงราย จ.เชียงราย เปิดเผยว่าเทศบาลได้รับหนังสือจากศาลอุทธรณ์ภาค 5 จ.เชียงใหม่ เรื่อง "แจ้งคำสั่งรับคำร้องขอให้จัดการเลือกตั้งใหม่" มีไปถึงนายสมพงษ์ กูลวงษ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงราย
โดยมีเนื้อหาระบุว่าจากกรณีที่ศาลอุธรณ์ภาค 5 มีคำสั่งรับคำร้องตามคดีหมายเลขดำที่ ลต 7/2552 ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ร้องต่อนายสมพงษ์ กูลวงค์ ว่าควรให้มีการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครเชียงรายใหม่ แทนนายสมพงษ์ เมื่อวันที่ 19 มี.ค.2552 เอา ไว้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2550 มาตรา 219 วรรคสาม และมาตรา 239 วรรคท้าย ประกอบมาตรา 236 วรรคสองและวรรคสามกับระเบียบที่ประชุมใหญ่ ศาลฎีกาว่าด้วยวิธีพิจารณาและวินิจฉัยคดีที่เกี่ยวกับการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น 2550
“ศาลอุทธรณ์ภาค 5 จึงขอแจ้งการรับคำร้องในคดีดังกล่าวให้ท่านทราบ เพื่อปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 239 วรรคท้าย ประกอบมาตรา 239 วรรคสองและวรรคสามต่อไป” หนังสือระบุ
นายทวีกล่าวว่า เนื้อหาของมาตรา 239 คือ หาก กกต.ได้มีการประกาศผลการเลือกตั้งไปแล้ว แต่ต่อมา กกต.เห็นควรให้มีการเลือกตั้งใหม่หรือเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง โดยยื่นคำร้องต่อศาลและต่อมาศาลได้รับคำร้องก็จะทำให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นผู้นั้นไม่สามารถปฎิบัติหน้าที่ต่อไปไม่ได้ ดังนั้นจึงทำให้นายสมพงษ์ ต้องหยุดปฎิบัติหน้าที่ก่อนเป็นการชั่วคราว เพื่อรอการพิจารณาของศาลต่อไป
ด้าน นายสมพงษ์ กล่าวว่า ตนได้รับหนังสือจากศาลอุธรณ์ภาค 5 เรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ทราบในรายละเอียดว่าถูกกล่าวหาอย่างไร เพราะได้รับแจ้งเพียงแค่หลักวิธีการปฏิบัติตามมาตราต่างๆ ของรัฐธรรมนูญกรณีที่ศาลได้รับคำร้องเท่านั้น แต่ก็พร้อมจะปฏิบัติตามกฎหมายโดยหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส่วนรายละเอียดคงต้องรอให้มีหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อจะได้ไปชี้แจงต่อศาลต่อไป
“ช่วงหยุดปฏิบัติหน้าที่ก็จะมีนายปรีชา พัวนุกุลนนท์ รองนายกเทศมนตรีคนที่ 1 ทำหน้าที่รักษาราชการแทนนายกเทศบาลนครเชียงรายโดยที่ฝ่ายบริหารไม่ต้องยุติบทบาททั้งหมด ทำให้การบริหารงานของเทศบาลยังคงเดินหน้าต่อไป” นายสมพงษ์ กล่าวและว่า
ยอมรับว่ารู้สึกแปลกใจเกี่ยวกับการร้องเรียนตนจนเป็นที่มาของคำสั่งดังกล่าวมา เพราะมั่นในใจว่าไม่ได้กระทำความผิดและฝ่าฝืนกฎหมายการเลือกตั้ง ดังนั้นจะชี้แจงต่อศาลให้ดีที่สุดต่อไป