ระยอง - เครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก ชาวบ้านในชุมชนมาบตาพุด และบ้านฉาง จังหวัดระยอง เตรียมเดินเท้าเข้ากรุงเทพฯ จันทร์ 16 มี.ค.นี้ เพื่อเข้าพบนายกฯยื่นข้อเรียกร้องหากมีอุทธรณ์กรณีศาลปกครองประกาศให้พื้นที่มาบตาพุดและใกล้เคียงเป็นเขตควบคุมมลพิษ
วันนี้ (13 มี.ค.) นายสุทธิ อัชฌาศัย ผู้ประสานงานเครือข่ายภาคตะวันออก เปิดเผยว่า ข้อเรียกร้องที่จะยื่นต่อรัฐบาลและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โดยชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจะเดินเท้าจากศาลปกครองระยอง ในช่วงเช้าวันจันทร์ที่จะถึงนี้ เพื่อเข้าพบนายกรัฐมนตรีโดยมีข้อเรียกร้องมีดังนี้
1.ให้ผู้ที่ออกมาให้ข่าวและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย แสดงความรับผิดชอบต่อสาธารณะ โดยหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ควรเร่งดำเนินการตรวจสอบและแก้ไขป้องกัน โดยเฉพาะกรมสอบสวนคดีพิเศษที่เริ่มเข้าไปดำเนินการในพื้นที่แล้ว
2.หากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยยืนยันว่า การประกาศเขตควบคุมมลพิษในกรณีจังหวัดระยอง จะเกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ซึ่งตรงกันข้ามกับทั้ง 12 จังหวัดก่อนหน้านี้ ให้แสดงข้อมูลหลักฐานที่เชื่อถือได้ออกมา เพื่อให้เกิดการตรวจสอบกันในสังคมและนำไปสู่การตัดสินใจของรัฐที่อยู่บนฐานข้อมูลและความรู้ มิใช่การกล่าวอ้างความรู้สึกอย่างเลื่อนลอยแล้วใช้ตัวเลขการลงทุนแสนล้านมาบังหน้า
3.รัฐบาลต้อตรวจสอบข้อมูลหลักฐานและข้อเท็จจริงอย่างรอบด้านและเปิดโอกาสการมีส่วนร่วมของประชาชน ก่อนการตัดสินใจอุทธรณ์หรือการตัดสินใจแนวทางการแก้ไขปัญหาและการพัฒนาในอนาคต โดยไม่หลงเชื่อคำกล่าวอ้างที่ไม่มีข้อมูลหลักฐานของภาคธุรกิจอุตสาหกรรม
4.ให้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยมุ่งเน้นการลดปัญหามลพิษ สิ่งแวดล้อม และสุขภาพของประชาชนที่ปรากฏอยู่จริงในพื้นที่ มากกว่าที่จะกล่าวอ้างแต่เรื่องการทำตามมาตรฐานสิ่งแวดล้อม ทั้งปัญหาพื้นที่อุตสาหกรรมทับซ้อนชุมชนรอบมาบตาพุดและไม่มีพื้นที่กันชน โรงงานติดกับวัด โรงเรียน และบ้านเรือนของประชาชน ปัญหาจากการใช้น้ำบ่อตื้นที่ปนเปื้อนโลหะหนักเนื่องจากยังไม่มีประปา ปัญหาอุบัติภัยสารเคมี ซึ่งเกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอ และปัญหาการเจ็บป่วยของชาวบ้าน
5.ให้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและภาคเอกชน ตระหนักถึงประโยชน์และโอกาสที่จะเกิดขึ้นต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยว เกษตรกรรมและประมง เทคโนโลยีสะอาด การอนุรักษ์พลังงาน พลังงานหมุนเวียน ซึ่งสามารถสร้างงานและพัฒนาเศรษฐกิจในสัดส่วนที่มากกว่าอุตสาหกรรมปิโตรเลียมและโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่
วันนี้ (13 มี.ค.) นายสุทธิ อัชฌาศัย ผู้ประสานงานเครือข่ายภาคตะวันออก เปิดเผยว่า ข้อเรียกร้องที่จะยื่นต่อรัฐบาลและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โดยชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจะเดินเท้าจากศาลปกครองระยอง ในช่วงเช้าวันจันทร์ที่จะถึงนี้ เพื่อเข้าพบนายกรัฐมนตรีโดยมีข้อเรียกร้องมีดังนี้
1.ให้ผู้ที่ออกมาให้ข่าวและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย แสดงความรับผิดชอบต่อสาธารณะ โดยหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ควรเร่งดำเนินการตรวจสอบและแก้ไขป้องกัน โดยเฉพาะกรมสอบสวนคดีพิเศษที่เริ่มเข้าไปดำเนินการในพื้นที่แล้ว
2.หากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยยืนยันว่า การประกาศเขตควบคุมมลพิษในกรณีจังหวัดระยอง จะเกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ซึ่งตรงกันข้ามกับทั้ง 12 จังหวัดก่อนหน้านี้ ให้แสดงข้อมูลหลักฐานที่เชื่อถือได้ออกมา เพื่อให้เกิดการตรวจสอบกันในสังคมและนำไปสู่การตัดสินใจของรัฐที่อยู่บนฐานข้อมูลและความรู้ มิใช่การกล่าวอ้างความรู้สึกอย่างเลื่อนลอยแล้วใช้ตัวเลขการลงทุนแสนล้านมาบังหน้า
3.รัฐบาลต้อตรวจสอบข้อมูลหลักฐานและข้อเท็จจริงอย่างรอบด้านและเปิดโอกาสการมีส่วนร่วมของประชาชน ก่อนการตัดสินใจอุทธรณ์หรือการตัดสินใจแนวทางการแก้ไขปัญหาและการพัฒนาในอนาคต โดยไม่หลงเชื่อคำกล่าวอ้างที่ไม่มีข้อมูลหลักฐานของภาคธุรกิจอุตสาหกรรม
4.ให้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยมุ่งเน้นการลดปัญหามลพิษ สิ่งแวดล้อม และสุขภาพของประชาชนที่ปรากฏอยู่จริงในพื้นที่ มากกว่าที่จะกล่าวอ้างแต่เรื่องการทำตามมาตรฐานสิ่งแวดล้อม ทั้งปัญหาพื้นที่อุตสาหกรรมทับซ้อนชุมชนรอบมาบตาพุดและไม่มีพื้นที่กันชน โรงงานติดกับวัด โรงเรียน และบ้านเรือนของประชาชน ปัญหาจากการใช้น้ำบ่อตื้นที่ปนเปื้อนโลหะหนักเนื่องจากยังไม่มีประปา ปัญหาอุบัติภัยสารเคมี ซึ่งเกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอ และปัญหาการเจ็บป่วยของชาวบ้าน
5.ให้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและภาคเอกชน ตระหนักถึงประโยชน์และโอกาสที่จะเกิดขึ้นต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยว เกษตรกรรมและประมง เทคโนโลยีสะอาด การอนุรักษ์พลังงาน พลังงานหมุนเวียน ซึ่งสามารถสร้างงานและพัฒนาเศรษฐกิจในสัดส่วนที่มากกว่าอุตสาหกรรมปิโตรเลียมและโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่