ตราด - “รักษาการผู้จัดการ สพพ.1” ปรับการบริหารงานลดค่าตอบแทน ค่าเบี้ยประชุม ลดการใช้งบสิ้นเปลือง ประกาศยังไม่เซ็นสัญญา ชี้เบี้ยประชุมที่ปรึกษา 1 หมื่น/ 2 ชม.สูงเกินไป
นายภิญโญ ตั๊นวิเศษ รักษาการผู้จัดการสำนักงานพื้นที่พิเศษเกาะช้างและพื้นที่เชื่อมโยง (สพพ.1) เปิดเผยว่า ได้รับการทาบทามจาคณะกรรมการบริหาร อพท. (องค์การบริหารพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยว อย่างยั่งยืน) ให้เข้ารับตำแหน่งผู้จัดการ สพพ.1 แทนนายนัท หิรัญรัตน์ อดีต ผู้จัดการคนเก่า ซึ่งได้เดินทางมารับ ตำแหน่งแล้วเมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา แต่การมารับตำแหน่งครั้งนี้ยังไม่ได้เซ็นสัญญาว่าจ้างกับผู้บริหาร อพท. เพราะต้องการที่จะเข้ามาแก้ปัญหาการบริหารงานในองค์กรนี้ก่อน
ทั้งนี้ เนื่องจากที่ผ่านมาคณะผู้บริหารชุดเก่าได้สร้างปัญหาไว้มากมายที่ยังต้องใช้เวลาในการแก้ไขอีกมาก โดยเฉพาะการใช้งบประมาณที่ไม่คุ้มค่า และมีหลายโครงการที่มีข้อสงสัย ว่าอาจจะมีการทุจริตเกิดขึ้น แต่ไม่มีหลักฐานที่จะไปดำเนินการใดๆได้หลายโครงการไม่มีการศึกษาความเป็นไปได้ พอสร้างไปก็เกิดปัญหาใช้งานไม่ได้หรือใช้งานที่ไม่คุ้มค่ากับงบประมาณที่ได้ลงทุนไป
“การก่อสร้างสะพานสลักเพชร ที่ใช้งบสร้างกว่า 30 ล้านบาท แต่ใช้งานไม่ได้เพราะว่าเรือประมงไม่สามารถ เข้าไปจอดได้ เนื่องจากต้องมีการขุดลอกร่องน้ำก่อนโดยจะต้องใช้งบประมาณกว่า 100 ล้านบาท ตอนนี้ก็กลายเป็นอนุสาวรีย์ไป ส่วนสะพานที่บางเบ้า ก็ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ และก็มีปัญหาระหว่างส่วนราชการที่ดำเนินการก่อสร้าง โดยไม่ผ่านการอนุญาตของอุทยานฯเกาะช้าง จนถูกจับและเกือบจะถูกทุบทิ้ง แต่ผมได้เสนอบอร์ดว่าควรจะก่อสร้างให้แล้วเสร็จ โดยใช้งบประมาณของ อพท.เอง 30 ล้านบาท ซึ่งหากไม่ทำอาจจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว มากกว่าการไม่ก่อสร้าง ผมเห็นแล้วต้องใช้เวลาสะสางนานสักหน่อย”
รักษาการผู้จัดการ สพพ.1 กล่าวอีกว่า เรื่องที่ตนเองได้สั่งการไปแล้ว คือ การแต่งตั้งที่ปรึกษา สพพ.1 ที่ก่อนหน้านี้แต่งตั้งจำนวนมาก และแต่งตั้งพวกพ้องมาเป็นที่ปรึกษา ซึ่งแต่ละคนมีค่าเบี้ยประชุมและเงินตอบแทน รายเดือนรวมถึง 12,000 กว่าบาท ประธานที่ปรึกษาได้มากกว่าอีก ตนเองได้สั่งเปลี่ยนแปลงโดยยกเลิกเงินค่าตอบ แทนและลดจำนวนที่ปรึกษาลงกว่า 50% ส่วนเงินเบี้ยประชุมก็ให้ครั้งละ 10,000 บาท/การประชุม 1 ครั้ง ซึ่งการประชุมอย่างเก่งก็ประชุมแค่ 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น ขณะที่ค่าตอบแทนผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ก็มีค่าตอบแทนที่สูงเกิน ไปต้องมีการปรับปรุงใหม่
“ผมยังไม่เซ็นสัญญากับ อพท. เพราะต้องการแก้ปัญหาในองค์กร ก่อนให้เจ้าหน้าที่ทำงานให้คุ้มกับค่า ตอบแทน ลดการทุจริต ลดการทำโครงการที่เปล่าประโยชน์ งบประมาณไหนที่ให้หน่วยงานไหนไป หากไม่ดำเนินการ จะขอเรียกคืนเพื่อนำมาทำโครงการอื่นๆ ที่คุ้มค่ากว่า ทุกวันนี้ผมยังไม่มีงานทำเลย ที่ทำงานหรืออาคารสำนักงานสร้างไปทำไม เพราะทั้งที่ธารมะยมและที่ท่าโสมมันสิ้นเปลืองงบประมาณ”
นายภิญโญ ตั๊นวิเศษ รักษาการผู้จัดการสำนักงานพื้นที่พิเศษเกาะช้างและพื้นที่เชื่อมโยง (สพพ.1) เปิดเผยว่า ได้รับการทาบทามจาคณะกรรมการบริหาร อพท. (องค์การบริหารพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยว อย่างยั่งยืน) ให้เข้ารับตำแหน่งผู้จัดการ สพพ.1 แทนนายนัท หิรัญรัตน์ อดีต ผู้จัดการคนเก่า ซึ่งได้เดินทางมารับ ตำแหน่งแล้วเมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา แต่การมารับตำแหน่งครั้งนี้ยังไม่ได้เซ็นสัญญาว่าจ้างกับผู้บริหาร อพท. เพราะต้องการที่จะเข้ามาแก้ปัญหาการบริหารงานในองค์กรนี้ก่อน
ทั้งนี้ เนื่องจากที่ผ่านมาคณะผู้บริหารชุดเก่าได้สร้างปัญหาไว้มากมายที่ยังต้องใช้เวลาในการแก้ไขอีกมาก โดยเฉพาะการใช้งบประมาณที่ไม่คุ้มค่า และมีหลายโครงการที่มีข้อสงสัย ว่าอาจจะมีการทุจริตเกิดขึ้น แต่ไม่มีหลักฐานที่จะไปดำเนินการใดๆได้หลายโครงการไม่มีการศึกษาความเป็นไปได้ พอสร้างไปก็เกิดปัญหาใช้งานไม่ได้หรือใช้งานที่ไม่คุ้มค่ากับงบประมาณที่ได้ลงทุนไป
“การก่อสร้างสะพานสลักเพชร ที่ใช้งบสร้างกว่า 30 ล้านบาท แต่ใช้งานไม่ได้เพราะว่าเรือประมงไม่สามารถ เข้าไปจอดได้ เนื่องจากต้องมีการขุดลอกร่องน้ำก่อนโดยจะต้องใช้งบประมาณกว่า 100 ล้านบาท ตอนนี้ก็กลายเป็นอนุสาวรีย์ไป ส่วนสะพานที่บางเบ้า ก็ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ และก็มีปัญหาระหว่างส่วนราชการที่ดำเนินการก่อสร้าง โดยไม่ผ่านการอนุญาตของอุทยานฯเกาะช้าง จนถูกจับและเกือบจะถูกทุบทิ้ง แต่ผมได้เสนอบอร์ดว่าควรจะก่อสร้างให้แล้วเสร็จ โดยใช้งบประมาณของ อพท.เอง 30 ล้านบาท ซึ่งหากไม่ทำอาจจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว มากกว่าการไม่ก่อสร้าง ผมเห็นแล้วต้องใช้เวลาสะสางนานสักหน่อย”
รักษาการผู้จัดการ สพพ.1 กล่าวอีกว่า เรื่องที่ตนเองได้สั่งการไปแล้ว คือ การแต่งตั้งที่ปรึกษา สพพ.1 ที่ก่อนหน้านี้แต่งตั้งจำนวนมาก และแต่งตั้งพวกพ้องมาเป็นที่ปรึกษา ซึ่งแต่ละคนมีค่าเบี้ยประชุมและเงินตอบแทน รายเดือนรวมถึง 12,000 กว่าบาท ประธานที่ปรึกษาได้มากกว่าอีก ตนเองได้สั่งเปลี่ยนแปลงโดยยกเลิกเงินค่าตอบ แทนและลดจำนวนที่ปรึกษาลงกว่า 50% ส่วนเงินเบี้ยประชุมก็ให้ครั้งละ 10,000 บาท/การประชุม 1 ครั้ง ซึ่งการประชุมอย่างเก่งก็ประชุมแค่ 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น ขณะที่ค่าตอบแทนผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ก็มีค่าตอบแทนที่สูงเกิน ไปต้องมีการปรับปรุงใหม่
“ผมยังไม่เซ็นสัญญากับ อพท. เพราะต้องการแก้ปัญหาในองค์กร ก่อนให้เจ้าหน้าที่ทำงานให้คุ้มกับค่า ตอบแทน ลดการทุจริต ลดการทำโครงการที่เปล่าประโยชน์ งบประมาณไหนที่ให้หน่วยงานไหนไป หากไม่ดำเนินการ จะขอเรียกคืนเพื่อนำมาทำโครงการอื่นๆ ที่คุ้มค่ากว่า ทุกวันนี้ผมยังไม่มีงานทำเลย ที่ทำงานหรืออาคารสำนักงานสร้างไปทำไม เพราะทั้งที่ธารมะยมและที่ท่าโสมมันสิ้นเปลืองงบประมาณ”
