ศรชล.เขต 1 ตรวจเยี่ยมเจ้าท่าชุมพร

ศูนย์ข่าวศรีราชา - ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฎิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลเขต 1 พร้อมคณะปฎิบัติการเชิงรุก ข้ามทะเลตะวันออกสู่ภาคใต้ตอนบน ตรวจเยี่ยมสำนักงานการขนส่งทางน้ำที่ 4 สาขาชุมพร รับทราบปัญหาการปฎิบัติภารกิจหัวเมืองชายทะเล

วันนี้ (4 มี.ค.) พล.ร.ท.ชัยวัฒน์ พุกกะรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฎิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล เขต 1 (ศรชล.เขต 1) และผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พล.ร.ต.วรศักดิ์ จันหนู พล.ร.ต.นพดล สุธัมมสภา พล.ร.ต.ทวีป สุขพินิจ พร้อมคณะฝ่ายอำนวยการ ได้เดินทางไปยังสำนักงานการขนส่งทางน้ำที่ 4 สาขาชุมพร ทั้งนี้ มีนายเชิดศักดิ์ พยัคฆชัยวรกุล เจ้าพนักงานขนส่งชำนาญงาน ให้การต้อนรับพร้อมบรรยายสรุป เกี่ยวกับปัญหา ข้อขัดข้องในการปฎิบัติภารกิจในเรื่องของการรักษากฎหมายในทะเล รักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล การให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยว ช่วยเหลือผู้ประสบภัย ประสานการช่วยเหลือระหว่างจังหวัดชุมพร กับสำนักงานการขนส่งทางน้ำ ในเรื่องของความปลอดภัยในทะเล คอยเตือนภัยนักท่องเที่ยว เรือประมงที่ออกทะเลขเมื่อเกิดมรสุม คลื่นลมแรง

นายเชิดศักดิ์ พยัคฆชัยวรกุล เจ้าพนักงานขนส่งชำนาญการ เปิดเผยว่า นายสุรินทร์ ธีระกุลพิศุทธิ์ หัวหน้าสำนักงานได้ตระหนักอยู่เสมอในเรื่องของการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล การจับกุมผู้กระทำความผิดกฎหมายในทะเล ป้องกันและปราบปรามเรือประมงที่ทำผิดกฎหมาย หรือฝ่าฝืนพระราชบัญญัติ

โดยเฉพาะในช่วงฤดูกาลนี้ ศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเลภาคใต้ตอนบน จังหวัดชุมพร ได้ประกาศปิดอ่าว งดจับปลาในฤดูวางไข่ ในเขตพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดชุมพร และจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2552 จนถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2552 ซึ่งในช่วงแรกมักจะไม่ค่อยมีปัญหาเรือประมงกระทำความผิดมากนัก แต่ในช่วงปลายฤดูกาลหวงห้ามมักจะมีเรือประมงฝ่าฝืนเข้ามาจับปลาในพื้นที่หวงห้ามจำนวนมาก ต้องประสานการปฎิบัติร่วมกับ กองทัพเรือ และตำรวจน้ำ

พล.ร.ท.ชัยวัฒน์ เปิดเผยว่า เท่าที่ผ่านมางบประมาณในการปฎิบัติภารกิจในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ได้ใช้กันไปโดยยากที่จะกลับมาในรูปแบบการชดใช้ หรือชดเชยให้เรื่องของความเสียหายที่เกิดขึ้นในการดำเนินการ ทำให้ผู้ประกอบการเรือนำเที่ยว ผู้ประกอบการท่องเที่ยวในทะเลมักฝ่าฝืนระเบียบปฎิบัติ ฝ่าฝืนกฎหมาย ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติต่าง ๆ การฝ่าฝืนทั้งหมดก่อให้เกิด ค่าใช้จ่ายของเจ้าหน้าที่ในการปฎิบัติงาน ในอนาคตจะต้องมีกติกาต่อกัน ถ้าเรือนำเที่ยวฝ่าฝืนพานักท่องเที่ยวออกทะเล ไปเที่ยวเกาะ จนเกิดอุบัติเหตุ หรือต้องให้ส่วนราชการเข้าไปช่วยเหลือ ต้องถือว่าการดำเนินการช่วยเหลือทั้งหมดผู้ประกอบการต้องรับผิดชอบ ไม่เช่นนั้นจะหวังเพียงประโยชน์อย่างเดียว ไม่คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

และยังกล่าวอีกว่า สำหรับปัญหาเรื่องงบประมาณมีจำกัด เรือมีเพียง 1 ลำ ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่มีเพียง 5 คน เป็นหญิง 3 คน ชาย 2 คน ทุกคนต้องสามารถปฎิบัติงานทั้งบนบกและในทะเลได้เหมือนๆ กัน จึงต้องใช้การปรับแผน ปรับกลยุทธ์ในการปฎิบัติการจับกุมผู้กระทำความผิดใหม่ ด้วยการหาข่าวให้แม่นยำ แล้วรอจับพร้อมหลักฐานขณะเข้าเทียบท่าเรือ จะทำให้เสียค่าใช้จ่ายน้อย ลดขั้นตอนการไล่ติดตาม และจะนำเสนอสภาความมั่นคงได้รับทราบต่อไป