พิษณุโลก - สรรพากรอำเภอพรหมพิราม เงียบเป็นเป่าสาก เมื่อเจอสื่อถามซ้ำกรณีรีดภาษีแม่ค้าข้าวหลามข้างทาง
หลังจากบรรดาพ่อค้าแม่ขายข้าวหลาม บ้าน ม.6 ต.มะตูม อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก จำนวน 8ราย ถูกทางเจ้าหน้าที่สรรพากรอำเภอพรหมพิราม ทำหนังสือเรียกเก็บภาษีตามแบบการการแสดงผู้เสียภาษี ภ.ง.ด.94 ตามหน้าที่ของผู้มีรายได้ ทำให้บรรดาพ่อค้าแม่ค้าดังกล่าวเดือดร้อนและร้องสื่อ และยังเสียภาษีแก่ อบต.เป็นประจำอยู่แล้ว
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ไปสอบถามความคืบหน้าจากนางพยุง ณัฐาศิริพร อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 48/1 ม.6 ต.มะตูม อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ว่ามีอาชีพเผาข้าวหลามขายมาเป็นเวลา 11 ปีทราบว่า หลังจากมีการเสนอข่าวไปแล้ว เจ้าหน้าที่สรรพากรอำเภอพรหมพิราม จ.พิษณุโลก ได้เดินทางไปชี้แจงให้กับพ่อค้าแม่ค้าข้าวหลามดังกล่าวเพิ่มเติม ถึงเรื่องหน้าที่ของการเสียภาษี ซึ่งหากไม่เช่นนั้นถือว่าผู้ที่มีรายได้แล้วหลีกเลี่ยงการเสียภาษี อาจถูกดำเนินคดีได้ แต่ถ้าพ่อค้าแม่ค้าได้ไปยื่นแบบผู้เสียภาษีผู้เสียภาษีแล้วก็สามารถลดหย่อนค่าใช้จ่ายได้ หรือหากต้องเลี้ยงดูบุตร บิดา มารดาก็สามารถลดค่าเสียภาษี หรือหากรายได้ไม่ถึงก็อาจไม่ต้องเสียภาษีได้เช่นกัน
นางพยุงกล่าวอีกว่า หากต้องเสียภาษีจริงๆ ตนเองและร้านค้าอื่นๆ ก็ต้องไปเสียเหมือนกับประชาชนคนอื่นๆ แต่อยากให้เจ้าหน้าที่เห็นใจกับบรรดาพ่อค้าแม่ค้าบ้างที่มีรายได้น้อย ประกอบกับข้าวหลามในพื้นที่ ต.มะตูม ก็เคยสร้างชื่อเสียงในการประกวดสุดยอดโอทอปของอำเภอพรหมพิรามแล้ว ก็ควรคิดการจัดเก็บน้อยลง เนื่องจากรายได้ของแต่ละคนแทบจะไม่มีเก็บอยู่แล้ว
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ขอสัมภาษณ์สรรพากรอำเภอพรหมพิราม จ.พิษณุโลก ปรากฏว่าไม่ยอมให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด และอ้างว่าอธิบดีกรมสรรพากรจะเป็นผู้ให้ข่าวดังกล่าวเอง ส่วนการเก็บภาษีของอำเภอพรหมพิราม พบว่ามียอดจัดการเก็บลดลงกว่าทุกปีที่ผ่านมา เพราะเศรษฐกิจไม่ดีประชาชนเริ่มมีรายได้น้อยลง
หลังจากบรรดาพ่อค้าแม่ขายข้าวหลาม บ้าน ม.6 ต.มะตูม อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก จำนวน 8ราย ถูกทางเจ้าหน้าที่สรรพากรอำเภอพรหมพิราม ทำหนังสือเรียกเก็บภาษีตามแบบการการแสดงผู้เสียภาษี ภ.ง.ด.94 ตามหน้าที่ของผู้มีรายได้ ทำให้บรรดาพ่อค้าแม่ค้าดังกล่าวเดือดร้อนและร้องสื่อ และยังเสียภาษีแก่ อบต.เป็นประจำอยู่แล้ว
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ไปสอบถามความคืบหน้าจากนางพยุง ณัฐาศิริพร อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 48/1 ม.6 ต.มะตูม อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ว่ามีอาชีพเผาข้าวหลามขายมาเป็นเวลา 11 ปีทราบว่า หลังจากมีการเสนอข่าวไปแล้ว เจ้าหน้าที่สรรพากรอำเภอพรหมพิราม จ.พิษณุโลก ได้เดินทางไปชี้แจงให้กับพ่อค้าแม่ค้าข้าวหลามดังกล่าวเพิ่มเติม ถึงเรื่องหน้าที่ของการเสียภาษี ซึ่งหากไม่เช่นนั้นถือว่าผู้ที่มีรายได้แล้วหลีกเลี่ยงการเสียภาษี อาจถูกดำเนินคดีได้ แต่ถ้าพ่อค้าแม่ค้าได้ไปยื่นแบบผู้เสียภาษีผู้เสียภาษีแล้วก็สามารถลดหย่อนค่าใช้จ่ายได้ หรือหากต้องเลี้ยงดูบุตร บิดา มารดาก็สามารถลดค่าเสียภาษี หรือหากรายได้ไม่ถึงก็อาจไม่ต้องเสียภาษีได้เช่นกัน
นางพยุงกล่าวอีกว่า หากต้องเสียภาษีจริงๆ ตนเองและร้านค้าอื่นๆ ก็ต้องไปเสียเหมือนกับประชาชนคนอื่นๆ แต่อยากให้เจ้าหน้าที่เห็นใจกับบรรดาพ่อค้าแม่ค้าบ้างที่มีรายได้น้อย ประกอบกับข้าวหลามในพื้นที่ ต.มะตูม ก็เคยสร้างชื่อเสียงในการประกวดสุดยอดโอทอปของอำเภอพรหมพิรามแล้ว ก็ควรคิดการจัดเก็บน้อยลง เนื่องจากรายได้ของแต่ละคนแทบจะไม่มีเก็บอยู่แล้ว
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ขอสัมภาษณ์สรรพากรอำเภอพรหมพิราม จ.พิษณุโลก ปรากฏว่าไม่ยอมให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด และอ้างว่าอธิบดีกรมสรรพากรจะเป็นผู้ให้ข่าวดังกล่าวเอง ส่วนการเก็บภาษีของอำเภอพรหมพิราม พบว่ามียอดจัดการเก็บลดลงกว่าทุกปีที่ผ่านมา เพราะเศรษฐกิจไม่ดีประชาชนเริ่มมีรายได้น้อยลง
