พิษณุโลก - แม่ค้าข้าวหลามริมทางพรหมพิราม โวยสรรพากรรีดภาษีคนหาเช้ากินค่ำ แฉถูกไถตั้งแต่ภาษีป้ายเข้าท้องถิ่น สงสัยกรมทางฯ หมั่นไส้ สรรพากรอำเภอชักแม่น้ำทั้งห้ายันต้องเก็บภาษีคนจนเข้าระบบ
ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากแม่ค้าขายข้าวหลามริมทาง หมู่ 6 ต.มะตูม อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ว่าถูกทางเจ้าหน้าที่สรรพากรเรียกเก็บภาษีเพิ่ม ทั้งที่ไม่ได้มีรายได้มากมาย ทั้งยังต้องเสียภาษีให้กับ อบต.เป็นประจำอยู่แล้ว จึงได้เดินทางไปตรวจสอบพบว่าบริเวณถนนสายพิษณุโลก-พรหมพิราม ช่วงก่อนถึงสำนักงานตำรวจภูธรภาค 6 มีการตั้งแผงขายข้าวหลามอยู่ประมาณ 3-4 ราย
นางพยุง ณัฐาศิริพร อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 48/1 หมู่ 6 ต.มะตูม อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลกว่า มีอาชีพเผาข้าวหลามขายมาเป็นเวลา 11 ปี พอมีรายได้เลี้ยงครอบครัวเดิมขายกระบอกละ 5 บาท ล่าสุดเพิ่มราคาขายและขายเป็นมัดๆ ละ 3 กระบอก ราคา 20 บาท เพราะของแพงขึ้น แต่ละวันขายได้กำไรไม่มากนัก ที่ผ่านมาได้เสียภาษีให้กับ อบต.มาตลอด ป้ายที่เขียนติดหน้าแผงก็เสียอีก 200 บาท
กรณีการเก็บภาษีข้าวหลาม ทางเจ้าหน้าที่ได้คำนวณตามขนาดของโต๊ะที่วางขายข้าวหลามว่า กว้างคูณยาวแค่ไหน ทำให้ต้องเสียภาษีมากกว่าความเป็นจริง ซึ่งผู้ที่ขายข้าวหลามต่างรู้สึกไม่สบายใจ เพราะไม่มีเพียงแต่ อบต.มาเก็บ ยังมีเจ้าหน้ากรมทางหลวงมาตรวจสอบ ไม่ต้องการให้พวกตนขายข้าวหลาม เพราะอยู่บนไหล่ทาง ทั้งที่ร้านค้าไม่ได้สร้างถาวร เพียงเอาโต๊ะมาตั้งวางข้าวหลามขาย มีร่มกางกันแดดเอาไว้เท่านั้น หน่วยงานรัฐไม่ได้มองความเดือดร้อนของชาวบ้านที่ทำมาหากินโดยสุจริต ต้องการประกอบมีอาชีพเลี้ยงครอบครัวให้อยู่รอดเท่านั้น
นางหลำ อินทร์ปาน อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 104 หมู่ 6 ต.มะตูม อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก กล่าวด้วยความท้อแท้ใจว่า ที่ผ่านได้เสียภาษีส่วนหนึ่งให้กับ อบต. ไปแล้ว มีทั้งค่าป้าย ค่าภาษีโรงเรือน พอมาตอนหลังมีการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่สรรพากรว่า พ่อค้าแม่ค้าขายข้าวหลามมีรายได้มากต้องมีการเก็บภาษีอีก ตนไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมีการเก็บภาษีกันหลายหน่วยงาน เพราะรายได้จากการเผาข้าวหลามข้างทาง ไม่ได้มากมายอย่างที่ทางเจ้าหน้าที่สรรพากรคิดกัน เพราะต้องใช้จ่ายในการหาซื้อวัสดุอุปกรณ์มาทำ และวันๆ ก็พออยู่ได้ขอให้ไม่ขาดทุนก็พอแล้ว หากจะไปรับจ้างงานทั่วไปก็ไม่ไหว เราไม่ทำใหญ่โตหรือเปิดเป็นร้าน เพียงเอาโต๊ะมาตั้งวางขายเท่านั้น ทำไมรัฐไม่มาดูแลเรื่องอาชีพให้กับชาวบ้าน สนับสนุนเป็นสินค้าประจำอำเภอ หรือพยายามส่งเสริมให้ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มขึ้น
ด้าน นายวราพร ยิ้มสบาย เจ้าหน้าที่สรรพกรอำเภอพรหมพิราม จ.พิษณุโลก กล่าวว่า การจัดเก็บภาษีกับแม่ค้าข้าวหลาม เป็นเงินได้ ประเภททำอาหารขาย คนโสดถ้ารายได้เกิน 30,000 บาทต่อปี ต้องเสียภาษี ถ้ามีคู่สมรสรายได้เกิน 60,000 บาทต่อปีต้องเสียภาษี สำหรับแม่ค้าข้าวหลาม ที่ หมู่ 6 ต.มะตูม รายได้น่าจะเกินกว่า 3 หมื่นบาท เนื่องจากสำรวจทราบว่า ใช้ข้าวเหนียวสำหรับทำข้าวหลามวันละ 1 ถัง ราคาประมาณ 400-500 บาท ไม่รวม กะทิ น้ำตาล ไม้ไผ่ การขายต่อวันอย่างต่ำ 500 บาท คูณ 365 วัน ทำให้หนึ่งปีจะมีรายได้กว่า 1 แสนบาทแน่นอน ตรงนี้เป็นกฎหมายปกติผู้มีเงินได้จากรายได้ทุกคนต้องยื่นเสียภาษี
สำหรับกรณีแผงจำหน่ายข้าวหลามเพิ่งยื่นหนังสือตรวจสอบข้อมูลไปยังผู้เสียภาษี เพราะไม่เคยเข้าระบบ ภาษีที่จัดเก็บของสรรพกรไม่มาก เพียงร้อยละ 50 สตางค์ ถ้าอายุเกิน 65 ปี รายได้ 1.5 แสนบาทก็ได้รับการยกเว้นภาษี อยากให้แม่ค้าข้าวหลามเข้ามาพูดคุย
“การจัดเก็บภาษีไม่ได้จัดเก็บ 100% ถ้าคำนวณต้นทุนกำไร อาจเสียภาษีไม่กี่ร้อยบาทเท่านั้น ตอนนี้แม่ค้าไม่มาพูดคุยสอบถาม และไม่เข้าใจกฎหมาย พร้อมกับร้องเรียนผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก และสื่อมวลชน”