แพร่ – ภัยแล้งกระหน่ำเมืองแพร่ หวิดเกิดแย่งชิงน้ำหลัง จนท.ชลประทานถือวิสาสะเปิดประตูน้ำแม่พวก ที่ชาวบ้านชุมชนหลังวิทยาลัยเกษตรเด่นชัยกักเก็บไว้ใช้เพราะยังไม่มีระบบประปาและเป็นแหล่งอนุรักษ์พันธุ์ปลา จนได้รับความเดือดร้อน พบต้องการปล่อยน้ำให้เกษตรกรทำนา ทั้งที่จังหวัดประกาศงดปลูกพืชฤดูแล้งหากน้ำไม่เพียงพอ
รายงานจากจังหวัดแพร่แจ้งว่า ขณะนี้ปัญหาขาดแคลนน้ำในพื้นที่เริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยล่าสุดได้เกิดปัญหาขึ้นในพื้นที่ลุ่มน้ำแม่พวก อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ หลังจากที่เจ้าหน้าที่กรมชลประทานทำการเปิดประตูน้ำฝายแม่พวก ในเขตต้นน้ำ หมู่ 8 ต.เด่นชัย โดยไม่มีการหารือกลุ่มผู้ใช้น้ำ ส่งผลให้ชุมชนหลังวิทยาลัยเกษตรขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตรและแหล่งอนุรักษ์พันธุ์ปลาได้รับความเสียหายไปด้วย เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ชาวบ้านกักเก็บน้ำไว้ใช้ในครัวเรือนเพราะน้ำประปายังเข้าไม่ถึง ซึ่งการปล่อยน้ำของกรมชลประทานทำให้เกิดการขาดแคลนน้ำอย่างหนัก
ทั้งนี้ล่าสุดกลุ่มชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนต้องเข้าทำการปิดประตูระบายน้ำด้วยตัวเอง เนื่องจากแจ้งทางการแล้วแต่ไม่มีการเข้ามาให้ความช่วยเหลือ สำหรับสาเหตุการเปิดประตูน้ำที่เกิดขึ้นนั้น มีการระบุว่ามาจากกลุ่มทำนาในต.ปงป่าหวาย ที่ใช้น้ำจากการสูบน้ำพลังไฟฟ้าสูบน้ำในแม่น้ำยมมาใช้ แต่ไม่มีการดูแลหรือซ่อมบำรุงทำให้เครื่องชำรุด จึงได้ใช้วิธีลอบเปิดน้ำที่ชาวบ้านหมู่ 8 อนุรักษ์ไว้ใช้ในชีวิตประจำวันทั้งชุมชน โดยไม่แจ้งหรือหารือกับกลุ่มผู้ใช้น้ำก่อน โดยมีการระบุด้วยว่านายอำเภอเด่นชัย เป็นผู้อนุญาตให้เปิดประตูน้ำดังกล่าว
สำหรับจังหวัดแพร่นั้น ได้มีการประกาศงดปลูกพืชในฤดูแล้ง ยกเว้นในกรณีที่มีน้ำต้นทุนในพื้นที่เพาะปลูกเพียงพอ อย่างไรก็ตามพบว่าเกษตรกรส่วนใหญ่ไม่ให้ความสนใจกับประกาศดังกล่าว ซึ่วเมื่อเกิดปัญหาขาดแคลนน้ำขึ้นก็จะใช้วิธีการทางการเมืองเข้าบีบข้าราชการโดยไม่ฟังเสียงผู้เดือดร้อนในชุมชนอื่นๆ ที่นอกจากการถนอมรักษาน้ำไว้ใช้ได้นานๆ ยังร่วมกันอนุรักษ์ป่าต้นน้ำและฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพในลุ่มน้ำทำให้คุณภาพและปริมาณน้ำดีขึ้น
นางศิริกัลยา เจริญดี สมาชิกเครือข่ายอนุรักษ์ลุ่มน้ำแม่พวก กล่าวว่า ทุกพื้นที่ขาดแคลนน้ำอยู่แล้ว ในลุ่มน้ำแม่พวกก็ขาดแคลน แต่มีการบริหารจัดการกักเก็บและฟื้นฟูลุ่มน้ำให้ดีขึ้น มีการวางแผนปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย และน้ำที่กักเก็บไว้ต้องใช้ในครัวเรือนด้วย เพราะระบบประปายังเข้าไม่ถึงชุมชน การที่ทางราชการออกมาปล่อยน้ำโดยไม่ฟังเสียงชาวบ้านถือว่าเป็นการระเมิดสิทธิของชุมชนอยู่แล้ว ชาวบ้านจะทำหนังสือถึงนายพงษ์ศักดิ์ พลายเวช ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่อีกครั้งให้มีการสอบสวนและวางแผนร่วมกันกับชาวบ้านในการหันมาร่วมอนุรักษ์ลุ่มน้ำและป่าต้นน้ำร่วมกันไม่ใช่ถึงเวลาขาดแคลนก็ใช้วิธีแย้งน้ำกัน ซึ่งจะนำไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรง ปัญหาดังกล่าวจะร้องเรียนไปยังสภาองค์กรชุมชนจังหวัดแพร่ให้หาแนวทางจัดการเพราะดูเหมือนว่า ภาครัฐในจังหวัดแพร่จะนิ่งเฉยกับปัญหาทั้งไฟป่าและความแห้งแล้ง
ขณะที่นายเสรี คัมภีรธัมโม รองผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ ซึ่งได้รับรายงานปัญหาที่เกิดขึ้นในครั้งนี้แล้ว กล่าวว่า ความจริงแล้วต้องหันมาพูดกัน และภาครัฐควรเคารพสิทธิของประชาชน ไม่ใช่ถือวิสาสะในการปล่อยน้ำ เพราะชาวบ้านทางด้านบนเดือดร้อนกว่า เนื่องจากชุมชนหมู่ 8 หลังวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีแพร่ ขาดแคลนน้ำและที่ออกมาร้องเรียนเพราะชาวบ้านยังไม่มีระบบประปา ยังใช้น้ำในน้ำแม่พวกเพื่อใช้ในครัวเรือน ในขณะที่ชุมชนอื่นไม่ได้ร่วมอนุรักษ์ดูแลแต่กลับเข้าไปแย่งน้ำชุมชนแห่งนี้ ซึ่งปัญหาดังกล่าวจะต้องมีการแก้ไขอย่างเป็นระบบต่อไป