เลย-สสจ.เลยประกาศเตือนแหล่งน้ำรอบเหมืองทองทุ่งคำอันตราย หลังตรวจพบสารพิษหลายชนิดเกินค่ามาตรฐาน ห้ามชาวบ้านใช้น้ำ ขณะที่ผู้ว่าฯเลยหน้าแตก ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อไม่เคยพบสารพิษรอบเหมืองทอง ด้านผู้บริหารทุ่งคำยันไม่มีการปล่อยสารพิษออกนอกเหมือง อัดกลุ่มที่ออกมาต่อต้านว่าเป็นพวกอีแอบ นายหน้าขายประกันให้กับชาวบ้าน ปล่อยข่าวปั่นราคาหวังขายน้ำกินน้ำใช้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ที่วัดบ้านห้วยผุก ต.เขาหลวง อ.วังสะพุง จ.เลย คณะกรรมการตรวจคุณภาพน้ำและเฝ้าระวังผลกระทบจากเหมืองทองทุ่งคำ นำโดยนายวิวรรธน์ ก่อวิริยกมล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเลย และนายธวัช ปทุมพงศ์ ผอ.สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค 9 และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อชี้แจงผลการตรวจคุณภาพแหล่งน้ำ ในพื้นที่ ต.เขาหลวง อ.วังสะพุง จ.เลย โดยมีประชาชนเข้าร่วมจากบ้านห้วยผุก กกสะทอน นาหนองบง ภูทับฟ้า ต.เขาหลวง อ.วังสะพุงกว่า 100 คน
ที่ประชุมได้แจ้งประกาศสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเลย ฉบับที่ 1/ พ.ศ.2552 ลงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2552 ลงชื่อโดยนายวิวรรธน์ ก่อวิริยกมล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเลย เรื่อง เตือนให้ประชาชนระมัดระวังการใช้น้ำอุปโภคบริโภคจากแหล่งน้ำในพื้นที่ ต.เขาหลวง อ.วังสะพุง จ.เลย
ในประกาศระบุว่า จากผลการตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำในพื้นที่ ต.เขาหลวง อ.วังสะพุง จ.เลย ของกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกรมอุตสากรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม ในระหว่างวันที่ 23-25 มิถุนายน 2551 ที่ผ่านมา พบว่ามีสารหนูในลำน้ำห้วยเล็ก เขตพื้นที่บ้านกกสะทอน หมู่ 2 พบสารแมงกานิสในลำห้วยผุก เขตพื้นที่บ้านนาหนองบง หมู่ 3 และพบสารแคดเมี่ยม ในระบบประปาบาดาลบ้านนาหนองบง (คุ้มน้อย) หมู่ 3
สารเหล่านี้ปนเปื้อนในแหล่งน้ำดังกล่าวสูงเกินเกณฑ์มาตรฐานน้ำผิวดินและน้ำใต้ดิน ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสูงเกินเกณฑ์คุณภาพน้ำบริโภคกรมอนามัย พ.ศ.2543 ซึ่งอาจส่งผลกระทบเป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนผู้ใช้น้ำอุปโภคบริโภค
ดังนั้น เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน ที่ใช้น้ำจากแหล่งน้ำดังกล่าว จึงขอให้ประชาชนไม่ควรนำน้ำมาดื่มกินโดยตรง และไม่ควรนำน้ำมาใช้ในการปรุงอาหาร หรือประกอบอาหาร ทั้งนี้ ให้ถือปฏิบัติไป จนกว่าจะมีการแก้ไขปรับปรุงคุณภาพน้ำให้เหมาะสมต่อไป
นายวิวรรธน์ ก่อวิริยกมล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเลย ยังได้บอกถึงผลกระทบว่า สารหนูจะเป็นสารก่อมะเร็ง และจะไปสะสมอยู่ในร่างกาย ซึ่งมีผลต่อสุขภาพโดยตรงกับประชาชน คนที่แพ้สารดังกล่าวเมื่อถูกร่างกายจะทำให้แพ้ เกิดอาการคัน เมื่อถูกตาจะมีอาการแสบ จะมีอาการผื่นคันอาจเกิดจากการใช้น้ำประปาบาดาล และบ่อน้ำตื้น คุ้มน้อยหมู่ 3 บ้านนาหนองบง เนื่องจากแคดเมี่ยมเกินค่ามาตรฐาน พิษจากแคดเมี่ยม จะทำให้เป็นโรคไต โรคปอด กระดูกเปราะได้ง่าย ไม่ควรนำน้ำมาซักผ้าถูบ้าน อาบ อย่าแช่ข้าว หรือประกอบอาหาร
ตัวแทนชาวบ้านรายหนึ่งกล่าวว่า หลังจากมีการแจ้งประกาศดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนกว่าสารต่าง ๆ เกิดขึ้นได้อย่างไรจะมีผลมาจากการทำเหมืองทองรึเปล่า และจะมีผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่อย่างไร จากนี้ไปชาวบ้านต้องจัดการกับชีวิตตนเองอย่างไร
ด้าน พล.อ.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ กรรมการบริหารบริษัท ทุ่งคำ จำกัดกล่าวในรายการสภาประชาชน สถานีวิทยุพลัส เอ็ฟ เอ็ม 88 จังหวัดเลย ว่า จากการที่หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบคุณภาพน้ำรอบเหมืองแล้วพบสารพิษ สารเหล่านี้ตามธรรมชาติมีอยู่แล้ว ขอความเป็นธรรมให้บริษัทด้วย ที่ผ่านมาเรามีชุดเฝ้าระวัง 13 หน่วยงาน เราทำเหมืองระบบปิด อาจมีผลกระทบบ้าง แต่อยู่ในมาตรฐานตามหลักสากล
ประเด็นปัญหานี้บริษัทมีหลักการในการป้องกันผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมตามตัวบทกฎหมายและระเบียบของทางราชการ ,ยึดหลักกติกาสากลและนานาชาติ ,ยึดหลักการผู้มีส่วนได้ส่วนเสียให้เกิดความเป็นธรรม ,หลักของความโปร่งใส ,หลักสิทธิมนุษยชน และหลักของความหลากหลาย บริษัทยินดีให้เข้าไปตรวจเหมือง หากพบว่า มีการปล่อยสารพิษออกภายนอก ยินดีให้ปิดทันที กรณีที่ตรวจพบว่า 54 คน มีไซยาไนด์ในเลือดนั้น ส่วนใหญ่สูบบุหรี่ ซึ่งไซยาไนด์มีอยู่ในบุหรี่อยู่แล้ว
“พวกที่กล่าวหาเป็นพวกอีแอบ ให้ร้ายป้ายสี โฆษณาชวนเชื่อ พูดฝ่ายเดียว ทำกันเป็นขบวนการของกลุ่มธุรกิจการค้า การเมือง ผมสงสารประชาชน ที่เป็นเครื่องมือของคนฉลาดกว่า ไปหลอกขายประกันให้ชาวบ้าน บอกว่ามีไซยาไนด์ และหาผลประโยชน์กับการขายน้ำให้ชาวบ้าน ที่ผ่านมาทางบริษัทไม่มีช่องทางในการชี้แจงข้อเท็จจริงกับสาธารณชน จึงเกิดการเข้าใจผิดมาตลอด”
ด้านนายมานิตย์ มกรพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ระบุในเอกสารแจกผู้สื่อข่าว ชี้แจงนโยบายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมจังหวัดเลยว่า เมื่อมีการทำเหมืองแร่มาก ก็ก่อให้เกิดปัญหามลภาวะภายในพื้นที่บ้าง เกิดความวิตกกันว่าจะมีผลทางด้านสิ่งแวดล้อมและสร้างมลภาวะหรือไม่ จังหวัดก็ได้เข้าไปดูแลปัญหา มีการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์และเฝ้าระวังอยู่เป็นประจำ ในขณะนี้ยังไม่มีการพบในเรื่องของสารพิษ
ในเรื่องของการรบกวนพบว่ามีจริง ทั้งเรื่องเสียง ฝุ่นละออง ที่รบกวนวิถีชีวิตของชาวบ้านก็ได้แก้ไข โดยให้มีการอบรมในเรื่องของสิ่งแวดล้อมทั้งจังหวัด มีการนำผู้บริหารระดับหัวหน้าส่วน รวมไปถึงระดับท้องถิ่นมาอบรม ทั้งเรื่องของขยะ น้ำเสีย และเรื่องมลภาวะ
ในปัจจุบันนี้การขอสัมปทานในอุตสาหกรรมที่ทางภาครัฐจะพิจารณาได้ จะต้องผ่านการประชาพิจารณ์ของหมู่บ้าน และความเห็นชอบของท้องถิ่นเสียก่อน ซึ่งก็มีหลายโครงการที่ไม่ผ่านความเห็นชอบตรงนี้ เพราะชุมชนเริ่มมีความเข้าใจถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าดีใจที่ประชาชนและชุมชนหันมาสนใจในเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ตนเห็นว่าในอนาคตเราควรจะหันมาส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวและเกษตรที่ยั่งยืน ให้มากขึ้นกว่าการส่งเสริมอุตสาหกรรมในพื้นที่