พิจิตร - ภัยแล้งคุกคามหนักต่อเนื่อง บางพื้นที่เริ่มก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างชาวนา ถึงขึ้นเผชิญหน้ากันทุบฝายแย่งน้ำทำนาก่อนข้าวแห้งเหี่ยวเฉาตาย ขณะที่บางส่วนระดมกำลังทำฝายแม้วกลางน้ำยมที่แห้งขอด
รายงานข่าวจากจังหวัดพิจิตร แจ้งว่า ที่บริเวณประตูระบายน้ำคลองหนองโสน ต.หนองโสน อ.สามง่าม สถานการณ์ภัยแล้งเริ่มวิกฤตหนัก ชาวนาในตำบลเนินปอ และชาวนาตำบลหนองโสน จำนวนหลายสิบคนได้เกิดเหตุเผชิญหน้ากัน และมีข้อถกเถียงข้อพิพาทเกือบยกยกพวกถล่มกัน ภายหลังตกลงปัญหาการแบ่งระบายน้ำไม่เท่ากัน และน้ำจากชลประทานกำแพงเพชรที่ผันมาตามลำคลองช่วยชาวนานั้นไม่เพียงพอทำให้นาข้าวเริ่มเหี่ยวเฉาตาย
ก่อนหน้านี้ ชาวนาใน ต.หนองโสน ที่อยู่บริเวณต้นน้ำได้นำไม้และกระสอบทรายมาปิดกั้นบริเวณฝายทดน้ำนานเกิน 3 วันเพื่อที่จะขอระบายน้ำเข้านาให้เพียงพอก่อน แต่เมื่อถึงกำหนดเวลาตามข้อตกลง กลับไม่ยอมเปิดตามข้อตกลงไว้ก่อนหน้านี้ ทำให้ชาวนาใน ต.เนินปอ ที่อยู่ปลายน้ำ ไม่ได้รับน้ำตามวันเวลาที่กำหนดจึงเกิดความไม่พอใจ รวมตัวกันมาพังฝายทดน้ำดังกล่าว
นอกจากนี้ นำกระสอบทรายหลายร้อยลูกมาปิดกั้นประตูระบายน้ำที่ไปตามแยกต่างๆหลายจุด จนเกิดมีปากเสียงและเกือบจะยกพวกถล่มกัน แต่ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 4 ตำบลหนองโสน ได้มาห้ามศึกก่อน และชาวนาตำบลหนองโสน จึงยอมให้ชาวนาตำบลเนินปอพังฝายน้ำตามข้อตกลง อย่างไรก็ตาม ชาวนาดังกล่าวยังต้องจัดเวรเฝ้าประตูระบายน้ำตามจุดต่างๆตลอดทั้งคืน
ขณะที่ไม่กี่วันที่ผ่านมานายสมชัย หทยะตันติ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ได้เดินทางไปตรวจดูความเดือดร้อนของประชาชนที่ประสบปัญหาภัยแล้งบริเวณหมู่ 4 และ หมู่ 11 ต.รังนก อ.สามง่าม จ. พิจิตร เนื่องจากระดับน้ำในแม่น้ำยมแห้งขอด และชาวนาหลายหมู่บ้านเดือดร้อนขาดแคลนน้ำไปอุปโภค น้ำเพื่อใช้ทำการเกษตร
ในการลงพื้นที่ครั้งนี้นายสมชัย พร้อมด้วยผู้นำชุมชนและเกษตรกรกว่า 300 คน ได้ช่วยกันกรอกกระสอบทราย เพื่อทำเป็นฝายแม้วกั้นแม่น้ำยมเพื่อทดน้ำเอาไว้ใช้ในการทำนาปรัง ซึ่งเกษตรกรในพื้นที่ อ.สามง่าม มีการทำนาปรังนอกเขตชลประทานนับหมื่นไร่
สำหรับการทำฝายแม้วกลางแม่น้ำยมจะทำ 3 จุด จังหวัดฯ จะให้ท้องถิ่นสนับสนุนงบประมาณเพียงแห่งละ 4 หมื่นบาท ส่วนแรงงานชาวบ้านต่างพร้อมใจมาช่วยกันทำ โดยไม่ต้องจ่ายค่าแรงและมีการหุงข้าวหม้อแกงหม้อมากินกันเอง
ส่วนการแก้ไขในระยะยาวขณะนี้ได้รับอนุมัติการทำเขื่อนยางงบประมาณ 270 ล้านบาทมาแล้ว แต่จะต้องใช้เวลาก่อสร้างแล้วเสร็จ คาดว่าปลายปี 2554 จึงจะใช้ประโยชน์ได้ ดังนั้นจึงต้องทำฝายแม้วเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนไปชั่วคราวก่อน