ศูนย์ข่าวศรีราชา - ถนนจอมเทียนสาย 2 ไม่คืบ หลังพบปัญหาเวนคืนไม่ยุติ ขณะที่ภาครัฐชะลอการอุดหนุนงบฯ เพราะการเบิกจ่ายล่าช้า สภาเมืองพัทยาต้องผ่านมติขออุดหนุนงบเพิ่มเติม 7.7 ล้านจ่ายเงินค่าที่ดินให้ชาวบ้าน
วันนื้ (13 ก.พ.) ในที่ประชุมสภาเมืองพัทยา จ.ชลบุรี นายอิทธิพล คุณปลื้ม นายกเมืองพัท ยา ได้นำเสนอญัตติการขอรับความเห็นชอบในการขอจ่ายขาดเงินสะสมจำนวน 7.79 ล้านบาทจากสภาเมืองพัทยา เพื่อนำไปใช้จ่ายในการชดใช้เป็นค่าเวนคืนที่ดินให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างถนนจอมเทียนสาย 2 ตามโครงการผังเมืองรวมจังหวัดชลบุรี พ.ศ.2546 หลังพบว่างบประมาณที่ได้รับการอุดหนุนจากภาครัฐ ไม่เพียงพอต่อการดำเนินการดังกล่าว
นายอิทธิพลกล่าวว่า จากแผนพัฒนาเมืองพัทยาตามโครงการผังเมืองรวมจังหวัดชลบุรี ได้กำหนดให้มีการก่อสร้างถนนจอมเทียนสาย 2 หรือสายทัพพระยา-นาจอมเทียน ซึ่งเป็นโครงการที่เมืองพัทยาได้รับงบประมาณอุดหนุนจากภาครัฐ เพื่อให้ดำเนินการก่อสร้างถนน ค.ส.ล.ขนาดความกว้าง 4 เลน ในระยะทางกว่า 7.2 กม.ในวงเงิน 600 กว่าล้านบาท ในปีงบประมาณ 2549
ทั้งนี้ เพื่อใช้เป็นเส้นทางคมนาคมสายใหม่ ในการรองรับความเจริญเติบโตที่เกิดขึ้นในอนาคต โดยได้มีการออกพระราชกฤษฎีกาเวนคืนที่ดินในปี 48 เพื่อนำมาบังคับใช้ในการเวนคืนจากจำนวนที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ ที่ต้องได้รับผลกระทบจำนวนกว่า 500 ราย อย่างไรก็ตามสำหรับการเวนคืนที่ดินในพื้นที่เมืองพัทยา ถือว่ามีความลำบากพอสมควร เนื่องจากในพื้นที่ดังกล่าวนั้นมีราคาประเมินค่อนข้างสูง จึงทำให้การทำงานเป็นไปด้วยความยากลำบากเป็นอย่างมาก
นายอิทธิพลกล่าวต่อไปว่า ในปี 48 เมืองพัทยาได้รับงบอุดหนุนจำนวน 160 ล้าน ปี 49 จำนวน 176 ล้านบาท ขณะที่ปี 50 นั้นไม่ได้ดำเนินการ จึงทำให้การจัดสรรงบในปี 51 และ 52 รวมจำนวน 125 ล้านบาทนั้น ทางสำนักงบประมาณไม่ผ่านความเห็นชอบ เนื่องจากการเบิกจ่ายมีปัญ หา จึงทำให้การทำงานหยุดชะงักไป ที่สำคัญตามพระราชกฤษฎีกาเวนคืนที่ประกาศใช้มาตั้งแต่ปี 48 กำลังจะหมดอายุเมืองพัทยาจึงได้ทำเรื่องขอขยายระยะเวลา
นอกจากนี้ ปัจจุบันยังมีเจ้าของที่ดินและอสังหาริมทรัพย์หลายราย มาแสดงความจำนงในการเวนคืน จึงทำให้เมืองพัทยาจำเป็น ต้องหางบประมาณมาสนับสนุนค่าใช้จ่าย จึงได้ขอจ่ายขาดเงินสะสมจำนวน 7.79 ล้านบาท เพื่อไปดำเนินการ ขณะที่ในอนาคตยังคงจะต้องมีการขออนุมัติเพิ่มเติมอีกจำนวนกว่า 100 ล้านบาท เพื่อมาเสริมในส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อให้โครงการสำเร็จลุล่วงไปตามวัตถุประสงค์
อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวในที่ประชุมต่างมีมติเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ ในการอนุมัติจ่ายขาดเงินสะสมจำนวน 7.79 ล้านบาท เพื่อให้คณะผู้บริหารนำไปบริหารจัดการต่อไป
วันนื้ (13 ก.พ.) ในที่ประชุมสภาเมืองพัทยา จ.ชลบุรี นายอิทธิพล คุณปลื้ม นายกเมืองพัท ยา ได้นำเสนอญัตติการขอรับความเห็นชอบในการขอจ่ายขาดเงินสะสมจำนวน 7.79 ล้านบาทจากสภาเมืองพัทยา เพื่อนำไปใช้จ่ายในการชดใช้เป็นค่าเวนคืนที่ดินให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างถนนจอมเทียนสาย 2 ตามโครงการผังเมืองรวมจังหวัดชลบุรี พ.ศ.2546 หลังพบว่างบประมาณที่ได้รับการอุดหนุนจากภาครัฐ ไม่เพียงพอต่อการดำเนินการดังกล่าว
นายอิทธิพลกล่าวว่า จากแผนพัฒนาเมืองพัทยาตามโครงการผังเมืองรวมจังหวัดชลบุรี ได้กำหนดให้มีการก่อสร้างถนนจอมเทียนสาย 2 หรือสายทัพพระยา-นาจอมเทียน ซึ่งเป็นโครงการที่เมืองพัทยาได้รับงบประมาณอุดหนุนจากภาครัฐ เพื่อให้ดำเนินการก่อสร้างถนน ค.ส.ล.ขนาดความกว้าง 4 เลน ในระยะทางกว่า 7.2 กม.ในวงเงิน 600 กว่าล้านบาท ในปีงบประมาณ 2549
ทั้งนี้ เพื่อใช้เป็นเส้นทางคมนาคมสายใหม่ ในการรองรับความเจริญเติบโตที่เกิดขึ้นในอนาคต โดยได้มีการออกพระราชกฤษฎีกาเวนคืนที่ดินในปี 48 เพื่อนำมาบังคับใช้ในการเวนคืนจากจำนวนที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ ที่ต้องได้รับผลกระทบจำนวนกว่า 500 ราย อย่างไรก็ตามสำหรับการเวนคืนที่ดินในพื้นที่เมืองพัทยา ถือว่ามีความลำบากพอสมควร เนื่องจากในพื้นที่ดังกล่าวนั้นมีราคาประเมินค่อนข้างสูง จึงทำให้การทำงานเป็นไปด้วยความยากลำบากเป็นอย่างมาก
นายอิทธิพลกล่าวต่อไปว่า ในปี 48 เมืองพัทยาได้รับงบอุดหนุนจำนวน 160 ล้าน ปี 49 จำนวน 176 ล้านบาท ขณะที่ปี 50 นั้นไม่ได้ดำเนินการ จึงทำให้การจัดสรรงบในปี 51 และ 52 รวมจำนวน 125 ล้านบาทนั้น ทางสำนักงบประมาณไม่ผ่านความเห็นชอบ เนื่องจากการเบิกจ่ายมีปัญ หา จึงทำให้การทำงานหยุดชะงักไป ที่สำคัญตามพระราชกฤษฎีกาเวนคืนที่ประกาศใช้มาตั้งแต่ปี 48 กำลังจะหมดอายุเมืองพัทยาจึงได้ทำเรื่องขอขยายระยะเวลา
นอกจากนี้ ปัจจุบันยังมีเจ้าของที่ดินและอสังหาริมทรัพย์หลายราย มาแสดงความจำนงในการเวนคืน จึงทำให้เมืองพัทยาจำเป็น ต้องหางบประมาณมาสนับสนุนค่าใช้จ่าย จึงได้ขอจ่ายขาดเงินสะสมจำนวน 7.79 ล้านบาท เพื่อไปดำเนินการ ขณะที่ในอนาคตยังคงจะต้องมีการขออนุมัติเพิ่มเติมอีกจำนวนกว่า 100 ล้านบาท เพื่อมาเสริมในส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อให้โครงการสำเร็จลุล่วงไปตามวัตถุประสงค์
อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวในที่ประชุมต่างมีมติเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ ในการอนุมัติจ่ายขาดเงินสะสมจำนวน 7.79 ล้านบาท เพื่อให้คณะผู้บริหารนำไปบริหารจัดการต่อไป
