ฉะเชิงเทรา - ตำรวจแปดริ้วบุกทลายแหล่งพักยาบ้ารายใหญ่เครือข่ายจีนฮ้อ ที่ส่งจำหน่ายครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ และชานเมือง ได้ของกลางกว่า 1.4 แสนเม็ด พร้อมทรัพย์สินและบัญชีเงินฝากมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท หลังติดตามขยายผลจับกุมอย่างต่อเนื่องจากพ่อค้ารายย่อยในพื้นที่
วันนี้ (8 ก.พ.) เวลา 13.30 น. พล.ต.ต.สุรพงษ์ กายตะวัน ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุรพล วิรัตน์โยสินทร์ รอง ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา ได้นำตัว น.ส.อรพินทร์ แซ่หลี่ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 619 ม.9 ต.แม่งอน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ และ นายเหวิงทิง แซ่หลี่ อายุ 28 ปี น้องชาย มาแถลงข่าวถึงผลการจับกุมต่อสื่อมวลชน ที่ห้องประชุมชั้น 2 กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา
พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 140,000 เม็ด โทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง สมุดบัญชีเงินฝาก ธนาคารกรุงเทพ จำนวน 54 เล่ม ภายในมีเงินหมุนเวียนอยู่ในบัญชีกว่า 1 ล้าน 7 แสนบาท สร้อยคอทองคำ พระเลี่ยมทอง และแหวนทองคำ น้ำหนักรวมกว่า 20 บาท จำนวน 14 ชิ้น บัตรกดเงินด่วน (ATM) จำนวน 15 ใบ เงินสด 280,000 บาท และรถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ หมายเลขทะเบียน ฌฎ 8350 กทม.1 คัน
พล.ต.ต.สุรพงษ์ กล่าวว่า ในการจับกุมขบวนการค้ายาบ้ารายใหญ่ได้ครั้งนี้ สืบเนื่องมาจาก ผลจากการจับกุมตัวนายเสน่ห์ (หรือแดง) แสงอาทิตย์ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 23 ม.1 ต.ดอนเกาะกา อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 160 เม็ด หลังได้รับหนังสือร้องเรียนจากประชาชนว่า มีการจำหน่ายยาบ้า แพร่ระบาดอย่างหนักในพื้นที่ จากนั้นได้ขยายผลเข้าทำการจับกุมตัว นายสุเทพ หรือ บังหวัง คล้ายขำดี อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33/3 ม.1 ต.ดอนเกาะ ผู้ซึ่งเป็นเอเยนต์จำหน่ายรายย่อยให้แก่ นายเสน่ห์ พร้อมของกลาง ยาบ้าอีกจำนวน 980 เม็ด
เจ้าหน้าที่ได้ทำการขยายผลการจับกุมต่อไป โดยได้ให้ นายสุเทพ ทำการติดต่อล่อซื้อยาบ้า จากผู้ค้ารายใหญ่ในกรุงเทพฯ คือ น.ส.อรพินทร์ พร้อมกับนัดหมายให้นำมาส่งมอบให้ยังด้านข้างร้านค้าสะดวกซื้อ (เซเว่นอีเลฟเว่น) ที่บริเวณหน้าวัดโสธรฯ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา จนสามารถทำการจับกุมตัวผู้ต้องหารายนี้ได้ พร้อมของกลาง ยาบ้าจำนวน 4,000 เม็ด ก่อนที่จะให้ผู้ต้องหาพาเข้าไปตรวจค้นยังห้องพัก ที่บริเวณ นิรันทร์คอนโด ย่านบางจาก ในกรุงเทพฯ ซึ่งเจ้าหน้าที่ถึงกับต้องตกตลึงเมื่อพบกับของกลางเป็นยาบ้าอีกจำนวนมากถึง 136,000 เม็ด ที่ถูกนำมาพักไว้ภายในห้อง กลางเมืองกรุงเทพฯ
จึงได้ตั้งข้อกล่าวหาว่า กระทำความผิดฐานร่วมกัน มีไว้ในความครอบครอง ซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) เพื่อจำหน่าย โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยผู้ต้องหารายแรก (น.ส.อรพินทร์) ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาแต่เพียงผู้เดียว พร้อมปฏิเสธแทนน้องชาย ว่า ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นในการกระทำความผิดของตนเองมาก่อน เนื่องจากไม่เคยบอกให้ทราบ ส่วนนายเหวิงทิง อ้างว่าเป็นเพียงพ่อค้ากระเป๋าหนัง ที่ถูกพี่สาวให้เดินทางมาเป็นเพื่อนเท่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อมากนัก
สำหรับพฤติกรรมของผู้ต้องหารายนี้ ถือเป็นผู้ค้ายาบ้ารายใหญ่ ในเขตกรุงเทพฯ และชานเมืองปริมณฑล เครือข่ายชาวเขา หรือจีนฮ้อ โดยลักลอบลำเลียงยาบ้ามาจากทางภาคเหนือ และนำมาเก็บพักรักษาไว้เองภายในห้องพัก ครั้งละประมาณ 2 แสนเม็ด หรือประมาณ 100 มัด ในทุกๆ 1 เดือน โดยมีเครือข่ายในขบวนการเป็นผู้ลำเลียงมาส่งมอบให้ในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งจะเปลี่ยนหน้า และรถที่ลำเลียงนำส่งไม่ซ้ำกัน จากนั้นจึงทยอยนำเอาออกมาจำหน่ายให้แก่พ่อค้า หรือ เอเยนต์รายย่อย ด้วยตนเอง ก่อนที่จะถูกจับกุมได้ในที่สุด