สระแก้ว - ผวจ.สระแก้ว เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโครงการรับจำนำมันสำปะหลังฤดูการผลิตปี 2551/52 ภายหลังพบเกษตรกรจังหวัดสระแก้วกว่า 6,500 ราย ได้รับประโยชน์จากโครงการฯ มีเม็ดเงินผ่านจังหวัดสระแก้วแล้วกว่า 273.4 ล้านบาท
วันนี้ (29 ม.ค.) นายศานิตย์ นาคสุขศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เป็นประธานการประชุมหัวหน้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชน เพื่อรับทราบสถานการณ์โครงการรับจำนำผลผลิตการเกษตร ฤดูการผลิต ปี 2551/52 โดย นายพงศ์ทิวา ตีระแพทย์ ผู้อำนวยการสำนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจังหวัดสระแก้ว ชี้แจงว่า ธ.ก.ส.สระแก้ว ได้รับอนุมัติวงเงินโครงการรับจำนำมันสำปะหลัง 229.6 ล้านบาท
ขณะนี้ได้ยอดวงเงินรับจำนำแล้ว 273.4 ล้านบาท โดยส่วนที่เกินได้เสนอขออนุมัติวงเงินส่วนเกินจากคณะกรรมการส่วนกลางเพิ่มเติมแล้ว อย่างไรก็ตาม ต้องขออนุมัติวงเงินจากคณะกรรมการเพิ่มเติม ประมาณ 600-800 ล้านบาท เนื่องจากขณะนี้มียอดใบประทวนที่รอการรับรองพื้นที่เพาะปลูกจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกว่า 4,000 ใบ
ด้าน นางสาวจันทร์เพ็ญ สอนสมสุข พาณิชย์จังหวัดสระแก้ว ชี้แจงว่า ได้รับการร้องเรียนด้วยวาจาจากเกษตรกรว่า ผู้ประกอบการลานมันบางแห่งหักเงินค่าเปอร์เซ็นต์ความชื้นหรือสิ่งเจอปนมากกว่าที่ควรจะเป็น คือร้อยละ 7-8 และต้นเดือนกุมภาพันธ์จะขอหักเพิ่มเป็นร้อยละ 10 จึงได้เดินทางออกไปตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่าผู้ประกอบการที่ร่วมโครงการส่วนใหญ่หักเงินค่าเปอร์เซ็นต์ความชื้นหรือสิ่งเจอปน เพียงร้อยละ 5 เท่านั้น
นายพงศ์ทิวา ตีระแพทย์ ผอ.ธ.ก.ส.สระแก้ว ชี้แจงเพิ่มเติมว่า แต่เดิมจังหวัดสระแก้ว มีพื้นที่เพาะปลูกมันสำปะหลังเพียง 2 ล้านไร่ แต่ปี 2551มันราคาดีตันละกว่า 2 พันบาท จึงเป็นแรงจูงใจให้เกษตรกรชาวไร่ข้าวโพดหันมาปลูกมันแทน ทำให้ผลผลิตมันสำปะหลังจังหวัดสระแก้วเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านตัน
ดังนั้น ปี 2552 ราคามันสำปะหลังในตลาดจึงตกลงเหลือตันละ 1 พันกว่าบาท ในขณะที่รัฐบาล อนุมัติยอดวงเงินโครงการรับจำนำมันสำปะหลังเพียงร้อยละ 10 ของปริมาณผลผลิต ถึงแม้จังหวัดสระแก้วจะมีการเปิดโรงงานผลิตเอทานอล เพื่อรับซื้อผลผลิตการเกษตรอีก 2 แห่ง แต่จะไม่สามารถช่วยเกษตรกรได้ในระยะเวลารวดเร็ว จึงจำเป็นต้องขอรับการอนุมัติวงเงินเพิ่มเติมอีกประมาณ 600-800 ล้าน เนื่องจากขณะนี้มียอดใบประทวนที่รอการรับรองพื้นที่เพาะปลูกจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกว่า 4,000 ใบ