“สนธิ” ขอบคุณพี่น้องพันธมิตรฯ ชลบุรีร่วมกันจัด “คอนเสิร์ตการเมือง” จนสำเร็จ ยกภาคตะวันออกจะเป็นปรากฏการณ์ตัวอย่างที่การเมืองอยู่ในมือ ปชช.ที่สามารถกำหนดเองได้ว่า 19 ส.ส.ของภาคจะเป็นของพรรคใด ย้ำ “การเมืองใหม่” มี 3 คำ คือ “ซื่อสัตย์ เสียสละ ไม่โกง” ฝากบอกพรรคร่วมฯ จำใส่หัวไว้ เผยให้โอกาส “อภิสิทธิ์” แต่จะรอดูเมื่อถึงวันต้องตัดสินใจ จะเดินหนีจากน้ำครำ หรือลงไปผสมเพื่อกุมอำนาจในมือต่อ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัย
เมื่อเวลาประมาณ 21.15 น. วันที่ 17 ม.ค. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยบนเวที “คอนเสิร์ตการเมือง” ครั้งที่ 1 จัดโดยพันธมิตรฯ ชลบุรี ที่สนามกีฬาเทศบาลเมืองชลบุรี โดยนายสนธิได้กล่าวขอบคุณชาวชลบุรีที่จัดงานนี้ได้ประสบความสำเร็จ และเปิดใจว่า ชีวิตของตนถือว่าเกิดที่จังหวัดชลบุรี การต่อสู้ตั้งแต่เริ่มนอกจากปราศรัยที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แล้วก็ถูกเชิญมาที่ชลบุรี นอกจากเป็นสถานที่ให้การศึกษาก็คือโรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชาแล้ว ยังได้ให้กำลังใจในการสู้กับอำนาจมืด
“ชาวชลบุรีมีพระคุณกับผมอย่างสูง พันธมิตรฯ ที่นี่ที่เป็นแกนนำไม่ว่ารุ่นแรก รุ่นกลาง ผมไม่เคยลืมบุญคุณทั้งสิ้น ไม่ว่าเจ๊ ไม่ว่าซ้อ ไม่ว่าเฮียทั้งหลาย การต่อสู้ที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 2548, 2549 มาจนปี 2552 วันนี้ได้พิสูจน์แล้วว่า ชลบุรีเป็นจังหวัดที่มีเอกภาพที่สุดในประเทศไทย คนชลบุรีกับคนภาคใต้ ถ้าพูดถึงความเข้มข้นใจถึงแล้ว ต้องถ่ายรูปกัน คนภาคตะวันออก คนภาคใต้ มีอุดมการณ์เหมือนกัน คือรักชาติบ้านเมือง รักศาสนา รักราชบัลลังก์ และเป็นคนที่ไม่มีการอ้อมค้อม”
นายสนธิ ได้ขอบคุณพันธมิตรฯ ชลบุรีที่ออกมาบอกว่าไม่ต้องกังวล หลังจากมีข่าวความขัดแย้งในการจัดงานครั้งนี้ และบอกว่าคนชลบุรีมีหัวใจสีเหลือง มีความเป็นพันธมิตรฯ เต็มตัว ขอขอบคุณและขอโทษผู้จัดงานที่มีข่าวลือออกมา และทำให้เข้าใจผิด วันนี้ได้พิสูจน์แล้วว่าพี่น้องไม่ใช่แค่รักประชาธิปไตย แต่พี่น้องยังอยากให้เอเอสทีวีคงอยู่เพื่อเป็นเสาหลักของสื่อที่จะเชื่อมโยงให้พี่น้องทั่วประเทศให้อยู่ด้วยกันต่อไป
นายสนธิ กล่าวว่า การเมืองใหม่ที่แกนนำพันธมิตรฯ แต่ละคนพูดถึงนั้น มีอยู่ 3 คำ คือ 1.การเมืองใหม่คือการเสียสละ 2.การเมืองใหม่คือความซื่อสัตย์ และ 3.การเมืองใหม่คือการไม่คดไม่โกง ขอให้นักการเมืองจำใส่หัวเอาไว้ โดยเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาล สรุปแล้ว นิยามการเมืองใหม่ แท้ที่จริงคือคุณธรรมของสังคมไทยที่หายไป ไม่ใช่ของใหม่ แต่ถึงเวลาแล้วที่เราต้องเอาของเก่าของดีๆ กลับมาสู่อ้อทอกของพวกเรา
“ถึงเวลาแล้วที่เทียนแต่ละเล่มที่จุดขึ้น แล้วหลอมรวมเป็นเทียนเล่มใหญ่จะต้องส่องสังคมไทยให้สว่างไสว ให้หลุดพ้นจากดความมืดมิด ถึงเวลาแล้วที่การเมืองต้องมีการเสียสละ คุณได้รับเลือกมาเป็น ส.ส. ไม่ว่าบัญชีรายชื่อ หรือ ส.ส.เขต ล้วนเป็น ส.ส. หน้าที่คือร่างกฎหมาย ตรวจสอบการทำงานในสภานิติบัญญัติ หน้าที่พวกคุณไม่ใช่แย่งกันเป็นรัฐมนตรี นี่คือการเมืองใหม่ คนที่แย่งกันเป็นรัฐมนตรีคือการเมืองเก่า ผู้บริหารประเทศ ต้องเอาคนนอกที่มีคุณธรรมซื่อสัตย์ไม่คดโกงมาเป็นรัฐมนตรี ส่วนพวก ส.ส.ให้ทำหน้าที่ในสภา นี่คือการเมืองใหม่ พรรคไหนทำไม่ได้ คือการเมืองเก่า”
นายสนธิ กล่าวต่อว่า พี่น้องอย่าประมาทตัวเอง เพราะคน 5-6 หมื่นคน จ่ายเงินแล้วมานั่งพื้นสกปกรกเป็นไปได้อย่างไร เมื่อก่อนมีแต่นักการเมืองจ้างชาวบ้านคนละ 200-300 ไปฟังพวกเขาขากถุยกัน เพราะฉะนั้นพี่น้องที่มาวันนี้คือการเมืองใหม่ที่แท้จริง
“อย่าไปท้อ อย่าไปเสียใจ อรุณรุ่งกำลังขึ้นมาแล้ว ผมไม่ได้กังวลว่าคุณอภิสิทธิ์จะไปร่วมสังฆกรรมกับกลุ่มนักการเมืองชั่วๆ ได้อย่างไร ที่ผมกังวลคือเมื่อถึงเวลาที่คุณอภิสิทธิ์ ต้องตัดสินใจว่าพอแล้วนักการเมืองชั่ว เขารับไม่ไหวแล้ว เขาจะตัดสินใจอย่างไร
วันนี้ยังไม่อยากพูดถึงเขา เพราะเพิ่งเข้ามา 10 วัน พี่น้องให้โอกาสเขาสักนิด แล้วเรามาตัดสินใจเอาในวันที่เขาต้องตัดสินใจว่า กำลังจะยอมผสมตัวเองกับน้ำครำ หรือเดินหนีน้ำครำ ถ้าเขาหนีน้ำครำ เราก็ยังยืนอยู่ข้างเขา แต่เมื่อเวลานั้นมาถึง ถ้าเขาตัดสินใจที่จะผสมกับน้ำครำ เพียงเพื่ออำนาจให้คงอยู่ในมือเขาตลอด วันนั้นคือวันที่พวกเราพร้อมใช่ไหมพี่น้อง
พวกเราไม่ใช่คนไร้เหตุผล ผมไม่เคยทวงบุญคุณ ถึงแม่ว่าพรรคพวกของเขาบางคน ไม่เคยพูดถึงเรา ผมไม่เคยพูดว่าที่คุณได้ เพราะเลือดเนื้อพันธมิตรฯ เรานักเลงพอที่จะไม่ทวงบุญคุณ เราแน่พอ แต่อย่ามาหักเรา วันไหน พวกคุณมาหักพวกเรา พี่น้องพร้อมจะมีเรื่องใช่ไหม”
นายสนธิ กล่าวต่อว่า การรวมตัวของพี่น้องในจังหวัดชลบุรีเป็นตัวอย่างให้กับหลายๆ ภาค ถ้ามีการรวมตัวอย่างนี้ และเข้าใจถึงหลักการเสียสละ ไม่คดโกง ยืนบนหลักความถูกต้อง เอาธรรมนำหน้า ไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น พี่น้องสามารถกำหนดได้ว่า 19 เสียง ส.ส.ภาคตะวันออกจะเป็นของใคร หากมีการสร้างเอกภาพ เผยแพร่อุดมการณ์พันธมิตรฯ ไปถึงจังหวัดจันทบุรี ตราด ฉะเชิงเทรา ทำให้เขาเห็นว่า ถ้าพูดภาษาเราไม่รู้เรื่อง อย่าให้ได้ไป แต่ถ้าพูดภาษาเรา เอาไปเลย 19 เสียง
“อย่างนี้ถือว่าหนามยอกเอาหนามบ่ง และอย่าไปยึดติดกับพรรคไหน ส.ส.คนไหนก็ตาม พรรคไหนก็ตาม ที่เป็น ส.ส.วันนี้ สำหรับพันธมิตรฯ ไม่มีความหมาย มันจะมีความหมายก็เมื่อสงครามเกิด แล้วพวกเราพูดกันตั้งแต่มอเตอร์เวย์ไปจนสุดแหลมงอบอย่างพร้อมเพรียงกันว่า 19 เสียงจะยกให้พรรคไหน ให้เป็นเอกภาพ เพราะฉะนั้นพรรคไหนก็ตามไม่ต้องมาหาเสียงกับพี่น้อง รอการเป่านกหวีดจากพันธมิตรฯ ก็พอ”
นายสนธิ กล่าวย้ำว่า เหตุการณ์ในวันนี้พิสูจน์แล้วว่า การเมืองไทยอย่างน้อยในชลบุรี ไม่ได้อยู่ในมือพรรคการเมืองใด ไม่ว่าประชาธิปัตย์ ประชาราช หรือพรรคไหน แต่อยู่ในมือพี่น้องนักรบมือตบทั้งหลาย ขอให้ชลบุรีเป็นประตูแรกแห่งแสงสว่างทางการเมืองที่จะเปิดเป็นบานแรก ให้ส่องสว่างไป ผ่านระยอง จันทบุรี ตราด ให้พี่น้องภาคตะวันออกทุกคนจับมือกันอย่างนี้ แล้วบอกว่า เราจะสามัคคีกัน ยึดถืออุดมการณ์เดียวกัน ให้ภาคตะวันออกให้เป็นภาคที่แสงอาทิตย์สาดส่องไปยังทุกๆ ภาค
ด้าน นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ กล่าวว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า จะเห็นการเมืองใหม่ไม่เกินปี 2553 ซึ่งในช่วงนี้เป็นช่วงที่เราทุกข์ระทม เราอยู่ในระยะเปลี่ยนผ่านของประเทศไทยที่คนที่ดีได้จับมือกับคนที่อัปลักษณ์ที่สุด การเมืองที่มีการผสมพันธุ์เช่นนี้หากบริหารประเทศไปสักพักและไม่สามารถผ่านไปได้พันธมิตรฯ ก็จะไม่ยอมให้มีการหันกลับไปหานักการเมืองรุ่นเก่าอย่างแน่นอน อย่างไรก็ดี ฐานะทางประวัติศาสตร์งการเมืองในวันนี้พันธมิตรฯ อยู่ในฐานะที่ใหญ่กว่าพรรคการเมืองใดๆ โดยปรากฏการณ์ครั้งแรกของพันธมิตรฯหลังเสร็จสิ้นการชุมนุมคือการสามารถรวมคนกว่า 7 หมื่นคนไปชุมนุมที่จังหวัดกาญจนบุรี
โดยเฉพาะดินแดนป่าอ้อยตรงนั้นที่เป็นเครื่องหมายของคนที่มีคุณธรรมและจริยธรรม อย่าง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ทั้งนี้การตื่นขึ้นของประชาชนในวันที่ 10 มกราคมที่โรงเรียนผู้นำ จังหวัดกาญจนบุรีและวันที่ 17 มกราคม ทั้ง 2 ปรากฏการณ์ได้ชี้อนาคตของประเทศไทยในปีหน้าว่าจะเป็นเช่นไร ดังนั้นจึงอยากฝากไปถึงนักการเมืองว่าขณะนี้ประชาชนเริ่มรู้สึกพอกันที่กับนักการเมืองเหล่านี้แล้ว และการเมืองใหม่ได้สะท้อนความในใจของประชาชนเช่นกัน ซึ่งประชาชนต้องการการออกแบบทางการเมืองที่ไม่เพียงแต่แกนนำ 5 คนเท่านั้น แต่ต้องการพรรคการเมืองของประชาชน
“เรื่องนี้ก็เร็วเกินไปที่จะบอกว่าจัดตั้งการเมืองใหม่จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ แต่หน้าที่ของพันธมิตรฯ คือการก่อตั้งและขยายออกไป เราจะไม่ยอมให้พันธมิตรฯ เป็นเพียงองค์กรชั่วคราว แต่เราจะสถาปนาพันธมิตรฯ ให้อยู่ในประวัติศาสตร์การเคลื่อนไหวของประชาชน และผมขอแสดงจุดยืนว่าไม่ว่าผมจะอยู่ในจุดใดก็ตาม หากนักการเมืองเลือกเอาประโยชน์ของตนเองมากกว่าประโยชน์ของประชาชนวันนั้นผมจะออกมาอยู่เคียงข้างประชาชน เราจะไม่ยอมให้การเมืองน้ำเน่ากับรัฐบาลสัตว์นรกมาปกครองเราอีก” นายสมเกียรติ กล่าว