พิจิตร – กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ทุ่มงบพัฒนาบึงสีไฟพิจิตรกว่า 50 ล้านบาท เน้นดึงนักท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ชมพันธุ์บัวกว่า 100 ชนิด ที่งดงามเต็มบึง ไม่แพ้บึงบอระเพ็ด คาดนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอีก 15 เปอร์เซ็นต์ต่อปี มั่นใจทัดเทียมจังหวัดอื่น
นายยุทธนา วิริยะกิตติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร เปิดเผยว่า วันนี้ (16 ม.ค.) นางธนิฏฐา เศวตศิลา มณีโชติ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมคณะได้เดินทางมาตรวจดูสภาพพื้นที่บริเวณบึงสีไฟ จังหวัดพิจิตร บึงน้ำจืดขนาดใหญ่อันดับ 3 ของประเทศไทย ภายหลังกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้อนุมัติงบประมาณจำนวน 50 ล้านบาทเพื่อพัฒนาบึงสีไฟ ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญของภาคเหนือตอนล่าง
นางธนิฏฐา ได้กล่าวว่า งบประมาณดังกล่าวจะทำการพัฒนาบึงสีไฟในพื้นที่กว่า 5 พันไร่ ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญของภาคเหนือตอนล่าง สามารถเชื่อมโยงการท่องเที่ยวกับจังหวัดใกล้เคียงได้ เช่น พิษณุโลก กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ ซึ่งจะเน้นไปที่พันธุ์บัวที่มีอยู่กว่า 100 ชนิดเป็นจุดขายให้กับนักท่องเที่ยว เริ่มตั้งแต่การชมบัวหลากหลายชนิดบริเวณบึงสีไฟแบบใกล้ชิด
การพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเมล็ดบัว ศูนย์แสดงผลิตภัณฑ์บัว รวมทั้งหอชมวิวจุดชมบัวต่างๆ โดยจะทำการออกแบบและดำเนินโครงการได้ประมาณเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป เชื่อว่าโครงการพัฒนาดังกล่าวเสร็จสิ้นแล้วจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นจากปีละประมาณ 5 หมื่นคนจะเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์
นอกจากนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะหนุนงบพัฒนามาให้ท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้บึงสีไฟจังหวัดพิจิตรเป็นจุดขายด้านการท่องเที่ยวอย่างแพร่หลายอีกด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมอีกว่า โครงการพัฒนาบึงสีไฟให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ โดยจะเน้นไปที่พันธุ์บัวที่มีอยู่กว่า 100 ชนิด ป็นจุดขาย เริ่มต้นมาตั้งแต่ ดร.ปรีชา เรืองจันทร์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ที่ย้ายไปดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าฯาชการจังหวัดภูเก็ต ได้ทำประชาคมร่วมกันกับนายชาติชาย เจียมศรีพงษ์ นายก อบจ.พิจิตรและชาวพิจิตร โดยได้รับการผลักดันงบประมาณจาก พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี จนในวันนี้นายสมชัย หทยะตันติ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร มาสานต่อเป็นรูปธรรม ซึ่งคาดว่าภายในปี 2553 บึงสีไฟจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นรูปธรรม