ศรีสะเกษ – คนเขียนตำนาน “เขาพระวิหาร” จี้ รัฐบาลเร่งเจรจากัมพูชา ยุติการสร้างถนนขึ้นสู่ปราสาทเขาพระวิหาร เหตุรุกล้ำพื้นที่พิพาทยังไม่ปักปันเขตแดน 4.6 ตาราง กม.ขณะที่นักวิชาการศรีสะเกษ แนะไทยส่งทหารเข้าไปยึดพื้นที่ทับซ้อนด้วย ไม่ควรปล่อยให้เขมรส่งทหาร-ปชช.เข้ายึดครองแต่ฝ่ายเดียว ชี้ ควรนำเข้าที่ประชุมอาเซียนเร่งหาข้อยุติปัญหาเขาพระวิหารโดยเร็ว
วันนี้ (14 ม.ค.) นายคณิต แสนสา อายุ 76 ปี เจ้าของโรงเรียนแสนสาวิทยา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นคนเขียนตำนานการก่อสร้างปราสาทพระวิหาร เป็นหลักสูตรท้องถิ่นที่ใช้สอนเด็กนักเรียนในเขต อ.กันทรลักษ์ กล่าวว่า การที่ฝ่ายกัมพูชาเข้ามาก่อสร้างถนนขึ้นไปสู่ปราสาทเขาพระวิหารนั้น ทางการกัมพูชาได้สร้างถนนคอนกรีตดังกล่าวขึ้นสู่ปราสาทเขาพระวิหารมานานประมาณ 5 ปีแล้ว โดยเป็นถนนกว้างประมาณ 4 เมตร สร้างขึ้นมาจากบ้านโกมุย ทางด้านทิศตะวันตกของเขาพระวิหาร มายังวัดแก้วสิขาคีรีสะวาระ บริเวณโคปุระชั้นที่ 1 ผ่านขึ้นไปยังตัวปราสาทเขาพระวิหาร
ทั้งนี้ ทางฝ่ายกัมพูชาต้องการใช้เป็นเส้นทางขนส่งเครื่องอุปโภคบริโภค รวมทั้งการเคลื่อนย้ายทหารและยุทธโธปกรณ์ขึ้นมาบนเขาพระวิหาร และขณะนี้กำลังเร่งขยายพื้นที่ถนนบริเวณโค้งหักศอกด้านทิศตะวันตกของเขาพระวิหาร ห่างจากวัดแก้วสิขาคีรีสะวาระ ไปประมาณ 300 เมตร พร้อมทั้งซ่อมแซมถนนมีระยะทางยาวอีกประมาณ 200 เมตร เพื่อรองรับการพัฒนาปราสาทพระวิหารที่กำลังเร่งดำเนินการปรับปรุงบริเวณรอบตัวปราสาทพระวิหารอยู่ในขณะนี้ หลังจากได้รับความเห็นชอบขึ้นเป็นทะเบียนมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก
นายคณิต กล่าวต่อว่า การก่อสร้างถนนขึ้นไปบนปราสาทพระวิหารนี้ ถือว่า เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากบริเวณที่สร้างถนนนั้นอยู่ในเขตพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร หรือมีเนื้อที่ประมาณ 2,500 ไร่ ดังนั้น การเข้าไปสร้างสิ่งใดๆ ที่เป็นถาวรวัตถุ ในบริเวณดังกล่าวที่ยังไม่มีการปักปันเขตแดนชัดเจนนั้น เป็นการขัดต่อข้อตกลงระหว่างไทยกับกัมพูชา
อีกทั้งตามคำพิพากษาของศาลโลก ฝ่ายกัมพูชามีอธิปไตยเหนือประสาทพระวิหาร และมีพื้นที่ห่างจากปราสาทพระวิหารออกมาข้างละ 20 เมตรเท่านั้น นอกนั้นถือว่าเป็นเขตแดนไทย ดังนั้น จึงขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลไทย ขอให้เร่งเจรจากับฝ่ายกัมพูชาให้ยุติการก่อสร้างถนนและให้ยุติการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างใดๆ ในเขตพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรโดยด่วน เพราะบริเวณพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ถือว่ายังเป็นพื้นที่พิพาทและยังไม่ได้มีการปักปันเขตแดน
ทางด้าน นายเทอดสิทธิ์ อุตส่าห์ นักวิชาการจังหวัดศรีสะเกษ และ คณะกรรมการประสานงานเพื่อพัฒนาจังหวัดศรีสะเกษ (คปส.) กล่าวว่า การที่ฝ่ายกัมพูชาเข้าไปสร้างถนนขึ้นไปสู่ปราสาทพระวิหารนั้น ถือว่า ฝ่ายกัมพูชาไม่ได้คำนึงถึงข้อตกลงใดๆ ระหว่างไทยกับกัมพูชา จะสังเกตเห็นได้ว่า มีการสร้างวัดกัมพูชาและนำประชาชนเข้ามาสร้างบ้านเรือนอยู่ที่บริเวณทางขึ้นเขาพระวิหาร ซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนไทยไม่ถึง 30 เมตรเท่านั้น
ทางรัฐบาลไทยควรต้องส่งกำลังทหารเข้าไปอยู่ในพื้นที่ที่ยังไม่มีการปักปันเขตแดน 4.6 ตารางกิโลเมตรด้วย ไม่ควรให้ฝ่ายกัมพูชาเข้าไปอยู่เพียงฝ่ายเดียว พร้อมทั้งนำประชาชนเข้าไปยึดครองพื้นที่ไว้เช่นกัน และที่สำคัญ อยากให้รัฐบาลไทยนำเรื่องนี้เข้าไปหารือในที่ประชุมอาเซียน เพื่อจะได้หาทางเจรจายุติปัญหากรณีขาพระวิหารนี้โดยเร็วที่สุด ก่อนที่เขาพระวิหารจะกลายเป็นปัญหาอมตะไม่สามารถแก้ไขได้ และจะกลายเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้ 2 ประเทศต้องกลายเป็นศัตรูกันตลอดไป