xs
xsm
sm
md
lg

รมช.ศธ.ยันเดินหน้านโยบายเร่งด่วนใน 3 เดือน - เทอมหน้าเรียนฟรีทั่ว ปท.-อุ้ม อสม./ผู้สูงอายุ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ลำปาง - รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เดินสายให้กำลังใจผู้สมัคร ส.ส.ที่ลำปาง พร้อมเดินหน้าตามนโยบายมีนาคมนี้ ยึดประชาชนต้องมาก่อน งานแรกอนุมัติเงินสนับสนุนการทำงาน อสม.ทั่วประเทศ จ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และเปิดโครงการเรียนฟรี 15 ปี ด้านม็อบข้าวยันยังไม่ขึ้นราคา คุย 3 เดือนประชาชนทุกภาคส่วนได้ประโยชน์แน่นนอน

นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งดูแลภาคเหนือ ได้เดินทางเป็นการส่วนตัวเพื่อให้กำลังใจนายมัธยม นิภาเกษม ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ลงชิงเก้าอี้ ส.ส.ในเขตเลือกตั้งที่ 1 ลำปาง

จากนั้นได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ที่พร้อมจะให้ประชาชนเห็นผลงานได้ทันที่ ภายในเวลา 3 เดือนว่า รัฐบาลจะเริ่มทำงานและสร้างผลงานให้ประชาชนเห็นในเดือนมีนาคม 52 นี้เป็นต้นไป ส่วนใหญ่จะเป็นไปตามแนวนโยบายที่พรรคประชาธิปัตย์เคยหาเสียงไว้ทั้งสิ้น โดยเน้นประชาชนต้องมาก่อน เหมือนเดิม

งานแรกคือ ในเดือนมีนาคมนี้รัฐบาลจะมอบค่าตอบแทนให้กับ อสม. ซึ่งมีอยู่ประมาณ 800,000 คน ทั่วประเทศ ที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้อย่างถูกต้องแล้ว เป็นจำนวนเงินคนละ 600 บาทต่อเดือน ซึ่งถือว่าไม่มากหากเทียบกับการทำงานตลอดเวลาที่ผ่านมากว่า 10 ปีที่ อสม.มีหน้าที่ในการคอยดูแลผู้สูงอายุ หญิงมีครรภ์ และคอยตรวจสุขภาพให้กับประชาชนในชุมชนของตัวเอง รวมถึงการเฝ้าระวังโรคต่างๆ ด้วย โดยจะมีการมอบเงินค่าตอบแทนให้ อสม.พร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 20 มีนาคม 52 ซึ่งตรงกับวัน อสม.

หลังจากนั้นในเดือนเมษายน 2552 รัฐบาลก็จะขยายเงินช่วยเหลือ หรือที่เรียกว่าเบี้ยยังชีพให้แก่ผู้สูงอายุที่ยังตกหล่นอยู่ ให้ครอบคลุมทั้งหมด โดยจะขึ้นทะเบียนใหม่หมด ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด คือ ไม่เป็นข้าราชการบำนาญ ไม่เป็นผู้ที่มีประกันสังคม หรือไม่เป็นผู้ที่มีอาชีพอยู่แล้ว หรือไม่เป็นผู้ที่มีที่ดินจำนวนมากๆอยู่แล้ว รัฐบาลก็จะจ่ายเบี้ยยังชีพให้กับผู้สูงอายุ คนละ 500 บาทต่อเดือนให้ครบทุกคนในระหว่างวันที่ 13-15 เมษายน 2552 ซึ่งเป็นวันครอบครัว

โดยในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงเปิดเทอม รัฐบาลก็จะให้เริ่มดำเนินงานตามโครงการเรียนฟรี เริ่มตั้งแต่อนุบาล 1-มัธยมศึกษาตอนปลาย 15 ปี คือ 1.ฟรีค่าธรรมเนียมหรือค่าเทอม 2.ฟรีตำราเรียน 3.ฟรีอุปกรณ์การเรียน และ 4.ฟรีเครื่องแต่งกายนักเรียน คนละ 2 ชุด โดยให้ยึดมาตรฐานโรงเรียนของรัฐเป็นเกณฑ์มาตรฐาน

ส่วนผู้ปกครองที่ต้องการส่งลูกหลานเรียนในโรงเรียนเอกชนที่มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าโรงเรียนมาตรฐานของรัฐ ตรงนั้นก็ต้องยอมรับว่ารัฐคงเข้าไปช่วยเหลือได้ไม่หมด แต่ถ้าหากเข้าโรงเรียนรัฐก็แทบไม่ต้องจ่ายอะไรเลย ซึ่งนโยบายนี้นอกจากจะส่งเสริมด้านการศึกษาของเยาวชนของชาติแล้วยังช่วยในเรื่องค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง ในภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น