ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “ผู้ช่วย ผบ.ตร.” ลงพื้นที่โคราชเร่งรัดคดีค้างเก่า พร้อมสั่งตำรวจเฝ้าระวังป้องกันคนร้ายก่ออาชญากรรมปล้น ชิงทรัพย์พุ่งช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ เผย คดีแบงก์ปลอมคืบหน้าไปมาก คาด รวบตัวผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับได้ เร็วๆ นี้ พร้อมสั่งการให้ตำรวจทุกสถานีตรวจสอบสถานบันเทิง หอพักและอพาร์ตเมนต์ดำเนินการถูกต้องตาม กม.มีทางหนีไฟ และอุปกรณ์ดับเพลิงพร้อมใช้งาน
วันนี้ (5 ม.ค.) ที่ห้องประชุมกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ต.ท.สถาพร หลาวทอง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผช.ผบ.ตร.) พร้อมคณะ ได้เดินทางมามอบนโยบายและติดตามคดีอาชญากรรมสำคัญในพื้นที่ จ.นครราชสีมา โดยมี พล.ต.ต.ฉัตรกนก เขียวแสงส่อง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) นครราชสีมา พร้อมด้วยผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรทั้ง 32 อำเภอในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ให้การต้อนรับและเข้ารับมอบนโยบาย
พล.ต.ท.สถาพร หลาวทอง ผู้ช่วย ผบ.ตร.เปิดเผยว่า การเดินทางมาครั้งนี้ได้มอบนโยบายให้กับตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา เร่งรัดคดีค้างเก่า โดยหัวหน้าสถานีต้องลงมาสอบสวนดูแลและติดตามคดีด้วยตัวเอง และ เรื่องการป้องกันเหตุปล้นทรัพย์ ชิงทรัพย์ร้านทอง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำอาจทำให้ปัญหาอาชญากรรมเกิดขึ้นมาก
โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.นครราชสีมา มีร้านทองตั้งอยู่หลายร้อยแห่ง ให้ตำรวจภูธรทุกแห่งจัดสายตรวจเข้าไปตรวจตราตลอดและติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด หรือ CCTV ในจุดเสี่ยง ส่วนเรื่องที่ 3 คือ การปราบปรามกลุ่มวัยรุ่นที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ซิ่ง ก่อความเดือดร้อนรำคาญ และ นำรถไปชิงทรัพย์สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน
สำหรับการปราบปรามกลุ่มมือปืนรับจ้างในพื้นที่ที่มีการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ของภาคอีสาน เป็นนโยบายสำคัญที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มอบหมายให้ทุกพื้นที่ที่มีการเลือกตั้งซ่อม ได้ทำการกวาดล้างอาชญากรรมและกลุ่มมือปืนรับจ้างก่อนวันเลือกตั้ง ซึ่งจากรายงานในพื้นที่อีสานยังไม่พบการเคลื่อนไหวของกลุ่มมือปืนรับจ้างเข้ามาในพื้นที่แต่อย่างใด
พล.ต.ท.สถาพร กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามจับกุมแก๊งปลอมแปลงธนบัตรรัฐบาลไทยว่า จากรายงานของตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมาเจ้าของคดี ล่าสุดทราบว่าคดีมีความคืบหน้าไปมากเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับคือ นายอลงกรต เที่ยงคืน ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังติดตามตัวอย่างใกล้ชิด หลังจากจับกุมผู้ร่วมขบวนการไปก่อนหน้านี้แล้วจำนวน 6 คนพร้อมของกลางและอุปกรณ์การผลิตจำนวนมาก โดยได้แบ่งการดำเนินการออกเป็น 2 ส่วนคือ ในส่วนของตำรวจที่อยู่ในกรุงเทพฯ จะติดตามเรื่องการผลิตธนบัตรปลอม
สำหรับตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา จะติดตามเรื่องการกระจายของธนบัตรปลอมซึ่งจะประสานความร่วมมือกันอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหารายนี้ได้ในเร็ว ๆ นี้ เนื่องจากมีเพื่อนที่ชี้เบาะแสให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่
พล.ต.ท.สถาพร กล่าวอีกว่า จากเหตุการณ์เพลิงไหม้สถานบันเทิง ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายรายในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่นั้น ล่าสุด วันนี้ ได้สั่งการให้ตำรวจภูธรทุกแห่งได้ตรวจสอบสถานบันเทิง รวมถึงหอพักและอพาร์ตเมนต์ ให้มีใบอนุญาตและดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย มีทางหนีไฟ อุปกรณ์ดับเพลิงอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน โดยเฉพาะ จ.นครราชสีมา ซึ่งมีสถานบันเทิงตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก เพื่อไม่ให้มีเหตุการณ์ซ้ำรอยโศกนาฏกรรมเพลิงไหม้ซานติก้าผับ กรุงเทพฯ ที่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก เกิดขึ้นอีก