ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อม ผบช.ภาค 3 ขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินสำรวจจราจรบนถ.มิตรภาพมุ่งหน้าสู่อีสาน พบปริมาณรถสะสมแน่นตลอดเส้นทางและติดขัดเป็นอัมพาตยาวนับ 10 กม. โดยเฉพาะช่วง กลางดง อ.ปากช่อง เหตุ ปชช.แวะใช้บริการปั๊มน้ำมันล้นทะลักออกถนนและเกิดอุบัติเหตุบ่อย สั่งตร.เร่งระบายการจราจร พร้อมจัดเตรียมแผนระดมกำลังช่วงขากลับ ด้านตร.ทางหลวงเปิดช่องทางพิเศษเพิ่ม 3 ช่วงตลอด ถ.มิตรภาพ เพื่อระบายรถที่สะสมอยู่เป็นจำนวนมากให้เบาบางลงและเคลื่อนตัวไปได้ ด้านปภ.โคราชสรุปสถิติวันแรกเจ็บแล้ว 27 ราย ตาย 2
วันนี้ (31 ธ.ค.) ที่สนามบินโรงเรียนตำรวจภูธรภาค 3 ต.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ต.ท.สถาพร หลาวทอง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผช.ผบ.ตร.)พร้อมด้วย พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3) และ พล.ต.ต.ชลอศักดิ์ อาษา รองผบช.ภ. 3 และคณะ ได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินสำรวจสภาพการจราจรและอำนวยการแก้ปัญหาการจราจรบนถนนมิตรภาพขาออกจากกรุงเทพฯ มุ่งสู่ภาคอีสานตั้งแต่ช่วงรอยต่อจังหวัดสระบุรีมายังจ.นครราชสีมา
ทั้งนี้พบว่า มีประชาชนใช้รถใช้ถนนเดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงหยุดยาวมเทศกาลปีใหม่ 2552 เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้เกิดการจราจรติดขัดยาวเหยียดตลอดเส้นทาง บางช่วงหนาแน่นติดขัดหนักถึงขั้นรถไม่สามารถเคลื่อนตัวไปได้เป็นเวลานาน
โดยเฉพาะช่วง ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ปริมาณรถสะสมจำนวนมากและจราจรติดขัดเป็นระยะทางยาวกว่า 10 กิโลเมตร (กม.) เจ้าหน้าที่ตำรวจระดมได้เร่งระบายการจราจรอย่างเต็มที่ แต่เนื่องจากรถยนต์ส่วนใหญ่แวะพักตามสถานีบริการน้ำมัน ล้นออกมายังริมถนนและจอดพักริมไหล่ทางเพราะเหนื่อยกับการเดินทางมาเป็นเวลานาน จึงเป็นสาเหตุสำคัญให้การจราจรติดขัด
คณะของ พล.ต.ท.สถาพร ได้ลงตรวจที่ ต.กลางดง อ.ปากช่อง ช่วง กม.ที่ 165 ถ.มิตรภาพ ฝั่งขาเข้าจ.นครราชสีมาซึ่งเป็นจุดที่มีปัญหาจราจรติดขัดอย่างมาก โดยได้ระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งระบายรถออกจากสถานีบริการน้ำมัน ที่ล้นออกมายังถนนและจุดไหล่ทางขวางการจราจร เพื่อเปิดให้รถคันอื่นเคลื่อนตัวไปได้ ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาให้รถวิ่งไปได้
พล.ต.ท.สถาพร หลาวทอง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากการบินสำรวจสภาพการจราจรในวันนี้ พบว่า การเดินทางของประชาชนนั้นหนาแน่นตั้งแต่ออกจากกรุงเทพฯ แล้ว ที่สำคัญช่วง ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมารอยต่อระหว่างพื้นที่รับผิดชอบของตำรวจภูธรภาค 1 กับภาค 3 ซึ่งเป็นช่วงขึ้นเนินทำให้รถเคลื่อนตัวไปได้ช้ามีปริมาณรถสะสมเป็นจำนวนมากและติดขัดเป็นระยะทางยาว เนื่องจากมีรถแวะเข้าพักสถานีบริการน้ำมันล้นออกมายังถนนและจอดไหล่ทาง
รวมถึงมีอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกันเกิดขึ้นมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เร่งระบายการจราจรและรถสามารถเคลื่อนตัวไปได้อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามคาดว่าตลอดทั้งวันนี้การจราจรบน ถ.มิตรภาพมุ่งหน้าสู่จังหวัดนครราชสีมาและภาคอีสานจะคับคั่ง และติดขัดเป็นช่วง ๆ
พล.ต.ท.สถาพร กล่าวต่อว่า จุดตรวจของตำรวจในพื้นที่ความรับผิดชอบ 8 จังหวัดอีสานตอนล่างของตำรวจภูธรภาค 3 มีจำนวนกว่า 500 จุด ประชาชนสามารถใช้บริการได้ ซึ่งในช่วงเทศกาลปีใหม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะแบ่งกำลังออกเป็น 2 ส่วนคือ ออกมาอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้ประชาชนและประจำอยู่สถานีฯ เพื่อรับแจ้งเหตุต่างๆ ประชาชนสามารถเรียกใช้บริการได้ตลอดเวลา
“ส่วนช่วงการเดินทางกลับนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เตรียมความพร้อมทั้งเส้นทางและกำลังพลไว้คอยอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนอย่างเต็มที่เช่นกัน แต่ทั้งนี้ต้องฝากไปยังประชาชนว่า ให้ทยอยเดินทางกลับอย่ากลับในเวลาเดียวกันเนื่องจากจะทำให้การจราจรติดขัด และต้องใช้เวลาในการเดินทางยาวนาน ซึ่งหากวางแผนดีจะไม่เสียเวลามากในการเดินทางกลับ” พล.ต.ท.สถาพร กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับถนนมิตรภาพ ตำรวจทางหลวง ได้เปิดช่องทางพิเศษฝั่งตรงข้ามเพิ่มอีก 1 ช่องจราจรเพื่อระบายรถที่มุ่งหน้าสู่ภาคอีสาน จำนวน 3 ช่วง คือ 1. ช่วงหินกอง อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ,2. ช่วงกลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา หน้าปั๊มน้ำมันเอสโซ่ – ฟาร์มโชคชัย บริเวณ กม.ที่ 156-158 และ ช่วงที่ 3 คือช่วงถนนบายพาสจอหอ จาก กม.ที่ 12-16 ต.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา
จากนั้นคณะของ พล.ต.ท.สถาพร ได้เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ต่อไปยังจุดบริการประชาชน สี่แยกอวยชัย ทางหลวงหมายเลข 304 ถ.ราชสีมา-กบินทร์บุรี อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นถนนสายหลักจากภาคตะวันออกสู่ภาคอีสาน เพื่อตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอยู่ในจุดบริการดังกล่าว ซึ่งสภาพการจราจรในถนนสายดังกล่าวเป็นไปอย่างคล่องตัว รถสามารถใช้ความเร็วได้
ด้าน นางปิยะฉัตร อินสว่าง หัวหน้าสำนักงานป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัย จ.นครราชสีมา ในฐานะเลขานุการ ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า ช่วง 7 วันอันตราย ตั้งแต่เวลา 00.00-10.30 น. ของวันที่ 31 ธ.ค.มีรายงานอุบัติเหตุเกิดขึ้น 21 ครั้ง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 27 คน แยกเป็น ชาย 22 คน หญิง 5 คน มีผู้เสียชีวิตเป็นชาย 2 คน มูลค่าความเสียหายประมาณ 267,000 บาท สาเหตุสูงสุดคือไม่สวมหมวกนิรภัย ขับขี่ยานพาหนะในขณะเมาสุรา ประเภทยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดคือ รถจักรยานยนต์