เชียงราย - ป.ป.ส.หมายหัว “หน่อคำ” ข่ายอิทธิพลใหม่คุมสามเหลี่ยมทองคำ ตำรวจเชียงรายเกาะติดเส้นทางเงิน 12 ขบวนการค้ายาบ้าใหญ่ ลอบโอนเงินข้ามแดนสั่งซื้อ-ขายยาบ้า ผ่านนายหน้าที่ตั้งโต๊ะหัก 10% ต่อเนื่อง คาดปีหน้าทลายเน็ตเวิร์คการเงินขบวนการนรกได้
ปัจจุบันสถานการณ์การลักลอบนำเข้ายาเสพติดตามแนวชายแดนยังคงไม่น่าไว้วางใจ เนื่องจากยังพบความพยายามลักลอบนำเข้าโดยเฉพาะยาบ้าอย่างต่อเนื่อง ขณะที่กลุ่มขบวนการนอกประเทศก็มีการเปลี่ยนแปลงและขยายอิทธิพลอย่างคึกคักทำให้เมื่อเร็วๆ นี้ ทาง พล.ต.ท.กฤษณะ ผลอนันต์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ได้เดินทางไปกำชับเจ้าหน้าที่ชายแดนด้วยตัวเอง
โดยระบุว่า ปัจจุบันกลุ่มผู้ผลิตและขนยาเสพติดโดยเฉพาะยาบ้าในประเทศเพื่อนบ้านเดิมๆ หลายกลุ่มไม่มีการเคลื่อนไหวมากนัก และอยู่สถานการณ์ที่เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมได้ แต่มีบางกลุ่มที่ขยายอิทธิพลออกไปอย่างกว้างขวางมากขึ้น คือกลุ่มของ “นายหน่อคำ” ซึ่งมีอิทธิพลอยู่แถบติดแม่น้ำโขงติดกับชายแดนสามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ป็นกองกำลังติดอาวุธที่คอยเก็บค่าผ่านทางยาบ้าจากกลุ่มอื่น บางครั้งก่อเหตุยิงถล่มเจ้าหน้าที่ของประเทศอื่นหรือกลุ่มอื่นที่ไม่ยอมอยู่ใต้อิทธพล ดังนั้น ทาง ป.ป.ส.จึงเจะมีการประสานกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อขอให้ดำเนินการต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ ผบก.ภ.จว.เชียงราย กล่าวว่า ปัจจุบันตำรวจเชียงรายได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของขบวนการค้ายาเสพติดโดยเฉพาะยาบ้าแล้วพบว่าการซื้อขายจะใช้วิธีการ คือ ผู้ซื้อยาเสพติดในฝั่งไทยใช้นายหน้าหรือคนโอนเงินซึ่งมักเป็นชาวไทยใหญ่ตามแนวชายแดน ไปเปิดบัญชีธนาคารสาขาตามชายแดนเพียง 500-1,000 บาท จากนั้นผู้ซื้อจะโอนเงินเข้าบัญชีเต็มจำนวนที่ตกลงกัน และนายหน้าก็จะหักค่าจ้างจากยอดเงินที่โอนไปทั้งหมด 10% เช่น ยอดเงิน 1 ล้านบาทก็จะหักไป 100,000 บาท เป็นต้น
จากนั้น เมื่อจะซื้อขายยาบ้านายหน้าก็จะรับหน้าที่นำบัตรเอทีเอ็มไปให้กับตัวแทนผู้ขาย ซึ่งมักเป็นคนไม่มีสัญชาติ เมื่อตัวแทนผู้ขายกดเงินออกไปจากเอทีเอ็มแล้ว ก็จะแจ้งไปยังคนขนยาบ้าให้ลักลอบขนไปส่งให้กับตัวแทนผู้ซื้อตามจุดต่างๆ ต่อไป ส่วนตัวเองก็จะนำเงินสดที่เบิกแล้วไปส่งให้ผู้ซื้อโดยบางครั้งนำไปส่งให้ที่บ่อนการพนันตามคาสิโนต่างๆ ซึ่งมีอยู่หลายแห่งตามแนวชายแดน
“ปัจจุบันศูนย์ยึดเงินภูธรจังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นศูนย์แห่งแรกของประเทศไทยได้จัดทำเครือข่ายด้านการเงินของขบวนการต่างๆ ในลักษณะดังกล่าวเอาไว้แล้วกว่า 12 ราย ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ชายแดน อ.แม่สาย โดยได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ประทักษ์ เจริญศิลป์ รอง ผบก.ภ.จว.เชียงราย เป็นผู้ดูแล” พล.ต.ต.อดุลย์ กล่าว
ผบก.ภ.จว.เชียงราย กล่าวอีกว่า หลังจากรู้เส้นทางการเงินดังกล่าวแล้วศูนย์ยึดเงินได้ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เช่น ธนาคาร สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริจแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ฯลฯ ทำการยึดเงินจากกลุ่มขบวนการมาตรวจสอบแล้วเป็นมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท ทำให้สามารถยับยั้งการนำเข้ามาครั้งละมากๆ และทำให้กลุ่มผู้ค้าหันมาขนยาบ้ากันแบบรายย่อยหรือกองทัพมดแทน โดยแอบปะปนมากับนักท่องเที่ยวที่พลุกพล่านในฤดูหนาวด้วยการเดินทางมากับรถโดยสารแทนการใช้รถยนต์ส่วนตัว ซึ่งตำรวจก็จะพยายามตรวจจับต่อไป
ล่าสุด ศูนย์ได้ยึดเงินสดได้ในพื้นที่ อ.เชียงของ ชายแดนไทย-สปป.ลาว ได้ประมาณ 4 ล้านบาท ได้ตัวผู้ต้องหา 2 คน ซึ่งรับว่าจะนำเงินไปซื้อยาเสพติดซึ่งศูนย์ตรวจยึดเงินได้ร่วมกับ ปปง.ในการยึดเงินเพื่อขยายผลแล้วรวมทั้งเตรียมยึดทรัพย์ผู้ต้องหาต่อไป เบื้องต้นทราบว่าจะนำเงินไปซื้อยาบ้าที่ชายแดนไทย-พม่า ด้านหมู่บ้านม้งเก้าหลัง ต.แม่สลอกใน อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
อย่างไรก็ตาม ศูนย์ก็ยังพบปัญหาเรื่องการควบคุมผู้ต้องหาเพราะต้องนำไปฝากขังได้เพียง 1-2 วัน ซึ่งตนได้เสนอไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าขอให้เสนอให้มีการควบคุมได้ 7 วัน ก็ถูกกลุ่มสิทธิสมนุษยชนต่อต้านอีก ส่วนการยึดเงินเพื่อตรวจสอบก็สามารถทำได้นาน 30 วัน แต่สามารถขยายการยึดออกไปได้อีก 2 ครั้ง เพราะหลายกรณีต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ กระนั้นก็เชื่อว่าหลังจากช่วงปีใหม่ 2552 นี้จะสามารถทลายขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่ด้วยการทำลายเครือข่ายการเงินดังกล่าวได้แน่นอน