กาฬสินธุ์ - โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว ได้ปล่อยน้ำแล้วหลังหยุดการส่งน้ำเพื่อปรับปรุงคลองระบายน้ำเป็นเวลา 1 เดือน ทำให้ชาวนากุ้งที่จังหวัดกาฬสินธุ์ กว่า 1 พันรายดีใจ ที่กุ้งจะไม่น็อคตายจากปัญหาขาดแคลนน้ำ แต่จะเป็นข่าวร้ายของผู้นิยมบริโภคกุ้งก้ามกรามในหน้าเทศกาลปีใหม่ เพราะมีแนวโน้มที่กุ้งจะขาดตลาด เนื่องจากประสบภัยหนาว ไม่กินอาหาร โตไม่ทัน และน็อกตายในช่วงที่เขื่อนปิดน้ำเป็นจำนวนมาก
โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว จ.กาฬสินธุ์ เริ่มระบายน้ำเพื่อการปลูกพืชฤดูแล้งแล้ว โดยมีการระบายน้ำมากถึงวันละ 5 ล้านลูกบาศก์เมตร เชื่อมั่นน้ำในเขื่อนลำปาวปีนี้จะเพียงพอต่อการเกษตรที่อยู่ในพื้นที่ชลประทานได้ปลูกข้าวนาปรัง พืชสวน พืชไร่อย่างแน่นอน แนะเกษตรกรในพื้นที่ชลประทานกว่า 3 แสนไร่ หันปลูกพืชหน้าแล้งอายุสั้นแทนการปลูกพืชเสี่ยงไม่ว่าจะเป็นการปลูกข้าว อ้อย และมันสำปะหลัง ขณะที่นากุ้งก้ามกรามกว่า 8,000 ไร่ พ้นวิกฤตหลังได้รับผลกระทบยาวจากสภาพอากาศหนาวเย็น และการหยุดปล่อยน้ำ
นายประเสริฐ ปะวันเต เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกราม ตำบลบัวบาน อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์กล่าวว่า ทุกปีที่ผ่านมากุ้งก้ามกรามจะจำหน่ายดีในช่วงเทศกาลปีใหม่ เพราะผู้บริโภคส่วนใหญ่จะซื้อเป็นของฝาก เนื่องจากกุ้งกรามกรามที่มีแหล่งผลิตที่นี่ จะมีเนื้อแน่น รสดี ทำให้มีเงินสะพัดถึงวันละไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท แต่บรรยากาศการซื้อขายในช่วงปีใหม่ที่จะถึงนี้อาจจะเงียบเหงา ไม่คึกคักเหมือนทุกปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เนื่องจากกุ้งจะขาดตลาด ไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค เพราะในช่วงที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาวได้หยุดการส่งน้ำ ประกอบกับอากาศที่หนาวเย็น ทำให้กุ้งของเกษตรกรที่เลี้ยงกันนับ 1 พันราย ไม่กินอาหาร จึงโตไม่ทัน รวมทั้งได้ประสบปัญหาน็อคตายในช่วงที่เขื่อนปิดน้ำเป็นจำนวนมาก
นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ จากปัญหาที่พันธุ์กุ้งที่เกษตรกรซื้อมาเลี้ยง มีราคาแพงถึงตัวละ 28 สตางค์หรือ 28,000 บาทต่อลูกกุ้ง 1 แสนตัว และราคาอาหารที่แพงถึงถุงละ 625 บาท ทำให้เกษตรกรสู้ต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงไม่ไหว จึงได้ลดจำนวนและพื้นที่ในการเลี้ยง และเป็นสาเหตุที่ทำให้กุ้งก้ามกราม สัตว์เศรษฐกิจที่ขึ้นชื่อของจังหวัดกาฬสินธุ์ ขาดตลาดในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ แม้จะมีการปรับราคาขึ้นจากเดิมมากกว่า 100% จากกิโลกรัมละ 140 บาท เป็น 300 บาท ก็ยังไม่มีกุ้งจำหน่ายให้ลูกค้า ซึ่งคาดว่าในปีใหม่นี้กุ้งที่ออกสู่ตลาดน่าจะมีไม่ถึง 10 ตัน
โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว จ.กาฬสินธุ์ เริ่มระบายน้ำเพื่อการปลูกพืชฤดูแล้งแล้ว โดยมีการระบายน้ำมากถึงวันละ 5 ล้านลูกบาศก์เมตร เชื่อมั่นน้ำในเขื่อนลำปาวปีนี้จะเพียงพอต่อการเกษตรที่อยู่ในพื้นที่ชลประทานได้ปลูกข้าวนาปรัง พืชสวน พืชไร่อย่างแน่นอน แนะเกษตรกรในพื้นที่ชลประทานกว่า 3 แสนไร่ หันปลูกพืชหน้าแล้งอายุสั้นแทนการปลูกพืชเสี่ยงไม่ว่าจะเป็นการปลูกข้าว อ้อย และมันสำปะหลัง ขณะที่นากุ้งก้ามกรามกว่า 8,000 ไร่ พ้นวิกฤตหลังได้รับผลกระทบยาวจากสภาพอากาศหนาวเย็น และการหยุดปล่อยน้ำ
นายประเสริฐ ปะวันเต เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกราม ตำบลบัวบาน อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์กล่าวว่า ทุกปีที่ผ่านมากุ้งก้ามกรามจะจำหน่ายดีในช่วงเทศกาลปีใหม่ เพราะผู้บริโภคส่วนใหญ่จะซื้อเป็นของฝาก เนื่องจากกุ้งกรามกรามที่มีแหล่งผลิตที่นี่ จะมีเนื้อแน่น รสดี ทำให้มีเงินสะพัดถึงวันละไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท แต่บรรยากาศการซื้อขายในช่วงปีใหม่ที่จะถึงนี้อาจจะเงียบเหงา ไม่คึกคักเหมือนทุกปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เนื่องจากกุ้งจะขาดตลาด ไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค เพราะในช่วงที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาวได้หยุดการส่งน้ำ ประกอบกับอากาศที่หนาวเย็น ทำให้กุ้งของเกษตรกรที่เลี้ยงกันนับ 1 พันราย ไม่กินอาหาร จึงโตไม่ทัน รวมทั้งได้ประสบปัญหาน็อคตายในช่วงที่เขื่อนปิดน้ำเป็นจำนวนมาก
นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ จากปัญหาที่พันธุ์กุ้งที่เกษตรกรซื้อมาเลี้ยง มีราคาแพงถึงตัวละ 28 สตางค์หรือ 28,000 บาทต่อลูกกุ้ง 1 แสนตัว และราคาอาหารที่แพงถึงถุงละ 625 บาท ทำให้เกษตรกรสู้ต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงไม่ไหว จึงได้ลดจำนวนและพื้นที่ในการเลี้ยง และเป็นสาเหตุที่ทำให้กุ้งก้ามกราม สัตว์เศรษฐกิจที่ขึ้นชื่อของจังหวัดกาฬสินธุ์ ขาดตลาดในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ แม้จะมีการปรับราคาขึ้นจากเดิมมากกว่า 100% จากกิโลกรัมละ 140 บาท เป็น 300 บาท ก็ยังไม่มีกุ้งจำหน่ายให้ลูกค้า ซึ่งคาดว่าในปีใหม่นี้กุ้งที่ออกสู่ตลาดน่าจะมีไม่ถึง 10 ตัน
