แพร่ - เครือข่ายการเมืองเก่ายังสำแดงเดช ในภูมิภาค ใช้วิธีซื้อเสียงจัดวางคนยึดเก้าอี้ผู้นำท้องถิ่นทุกระดับรอรับเลือกตั้งใหญ่ หัวคะแนนพรรคใหญ่ซื้อเสียงกันโจ่งครึ่มในสนามเลือกตั้งกำนันตามแบบใหม่ของมหาดไทย ที่เปิดช่องให้ซื้อง่ายขายคล่อง
นายผิน สิงห์เทพ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ต.ห้วยม้า อ.เมือง จ.แพร่ พร้อมด้วยแกนนำประชาชนใน ต.ห้วยม้า 30 คนได้เข้าร้องเรียนต่อนายอาณัติ วิทยานุกูล นายอำเภอเมืองแพร่ ที่ห้องทำงานภายในที่ว่าการอำเภอเมืองแพร่ ยื่นหนังสือคัดค้านการเลือกตั้งกำนันต.ห้วยม้า อ.เมืองแพร่ กรณีการเลือกตั้งกำนันตำบลห้วยม้า อ.เมือง จ.แพร่ เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.51 ที่ผ่านมาว่า เป็นการเลือกตั้งที่ไม่บริสุทธิยุติธรรม เนื่องจากมีการซื้อเสียง ทำให้ตนซึ่งเป็นหนึ่งในผู้สมัคร และเป็นอดีตกำนันลงชิงตำแหน่งกำนันในครั้งนี้ไม่ได้รับความเป็นธรรม และไม่ตรงตามความต้องการของชาวบ้านในตำบลส่วนใหญ่
เนื่องจากการเลือกตั้งกำนันครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของตำบลและเป็นครั้งที่ 3 ของ จ.แพร่ ที่มีการเลือกตั้งแบบใหม่ตามกฎหมายผู้ใหญ่บ้านกำนันของกระทรวงมหาดไทยที่ออกใหม่ให้ผู้ใหญ่บ้าน-กำนันเป็นพนักงานของรัฐ วิธีการเลือกตั้งไม่ได้เปิดให้ประชาชนเป็นผู้เลือกตั้ง แต่เป็นการเปิดให้ผู้ใหญ่บ้านทุกหมู่บ้านออกเสียงเลือกตั้งกันเอง ผู้ที่มีเสียงสนับสนุนสูงสุดก็จะได้เป็นกำนัน
นายผิน ระบุชัดว่า การเลือกตั้งในครั้งนี้มีการซื้อเสียง มีการจ่ายให้กับผู้ใหญ่บ้านรายละ 10,000 บาท ซึ่งการซื้อเสียงดังกล่าวมีการรับสารภาพจากผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 นายธำรงค์ คำเป็ง ต่อนายอำเภอมาแล้ว โดยยืนยันว่าได้รับเงินเพื่อให้ยกมือให้นายประทวน อินยะ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 เป็นกำนัน 10,000 บาท ซึ่งทำให้นายประทวน อินยะ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ได้คะแนน 8 คะแนน และนายผิน สิงห์เทพ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ได้คะแนนเพียง 6 คะแนน
นายผิน ผู้ร้องเรียนกล่าวว่า ก่อนหน้าที่จะมีการเลือกตั้ง มีการจัดประชาคมและขอความเห็นประชาชนและผู้นำในชุมชน มีมติให้เลือกตนเป็นกำนันต่อเป็นสมัยที่ 3 ซึ่งถ้าเป็นไปตามประชาคมจะไม่มีผู้สมัครลงแข่งขัน แต่เมื่อถึงวันเลือกตั้งนายประทวน อินยะ กลับลงสมัครโดยไม่ฟังเสียงประชาคม เมื่อผลการเลือกตั้งออกมาก็พลิกความคาดหมาย
ต่อมาทราบว่ามีการซื้อเสียง ซึ่งเป็นการทำลายการปกครองที่ต้องใช้ความยุติธรรมเป็นที่ตั้งและเสียงจากประชาชน ไม่ใช่การยกมือของผู้ใหญ่บ้านเท่านั้น ซึ่งตนได้ขอให้มีการระงับการแต่งตั้งและสืบสวนหาข้อเท็จจริงให้ชัดเจน ก่อนเกิดการผิดพลาดเพราะประเทศไทยต้องพบกับปัญหาซื้อเสียงทำให้การเมืองไม่ได้รับการพัฒนามาจนในปัจจุบันเกิดความวุ่นวายไปทั้งประเทศ
ขณะที่นายอำเภอเมืองแพร่ ได้รับหนังสือและยืนยันว่า จะตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ชัดเจน และเป็นธรรมที่สุด ซึ่งผู้ยื่นหนังสือพอใจและรอฟังผลการสืบสวนของนายอำเภอต่อไป
ทั้งนี้ ปัญหาดังกล่าวไม่ได้เกิดจากการซื้อเสียงเพื่อหวังตำแหน่งเท่านั้น แต่เป็นการบดขยี้กันระหว่างเครือข่ายกลุ่มการเมืองระดับประเทศ ซึ่งมีความพยายามให้แกนนำหรือหัวคะแนนของตนเองอยู่ในตำแหน่งผู้นำชุมชน เป็นการจัดวางกำลังรอการเมืองตั้งหรือความได้เปรียบทางการเมืองทุกระดับ ซึ่งส่งผลถึงความวุ่นวายขึ้นในหลายพื้นที่ของจังหวัดแพร่ในการเลือกตั้งผู้นำท้องถิ่น
