ศรีสะเกษร้องตรึงกำลัง “เขาวิหาร”-จนกว่าผลักดันชาวเขมร/ปักปันเขตแดนเสร็จ

ศรีสะเกษ - ชาวศรีสะเกษเรียกร้องให้ทหารตรึงกำลังที่เขาพระวิหาร ปกป้องอธิปไตยของไทยต่อไปจนกว่าจะผลักดันชาวกัมพูชาออกไปจากเขตแดนไทย บริเวณเชิงเขาพระวิหาร และปักปันเขตแดนเสร็จแล้ว ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศ เตรียมสรุปปัญหาและความคิดเห็น ปชช.ในพื้นที่ เพื่อเสนอนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลชุดใหม่พิจารณาดำเนินการแก้ปัญหาต่อไป

วันนี้ (16 ธ.ค.) ที่ห้องประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ นายวิศว ศะศิสมิต รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานพิธีเปิดการประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นและเพื่อรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับกรณีปัญหาเขาพระวิหาร ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้จัดรับฟังความคิดเห็นขึ้นที่ จ.ศรีสะเกษ เป็นแห่งแรก

โดยมีบรรดา พระสงฆ์ ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน และ นักวิชาการ ชาว จ.ศรีสะเกษ มาเข้าร่วมแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งมี นายภาสกร ศิริยะพันธุ์ เจ้าหน้าที่การทูต 9 เป็นตัวแทนกระทรวงการต่างประเทศมารับฟังความคิดเห็นในครั้งนี้

นายทิวา รุ้งแก้ว ประธานคณะกรรมการประสานงานเพื่อพัฒนาจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา กรณีเขาพระวิหารเป็นปัญหาที่หมักหมมมานาน เนื่องจากไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังจากรัฐบาลทุกยุคทุกสมัย แม้ทางส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจะรายงานให้ทราบเกี่ยวกับกรณีที่มีชาวกัมพูชาเข้ามาบุกรุกเขตแดนไทยที่บริเวณเชิงเขาพระวิหารมานานหลายปีแล้ว แต่ก็ไม่ได้มีการดำเนินการแก้ไขอย่างจริงจัง จนกระทั่งถึงจุดแตกหักที่กลุ่มธรรมยาตราฯ ถูกทหารกัมพูชาจับกุมตัวไว้ และทหารไทยต้องระดมกำลังมาตรึงรอบบริเวณเขาพระวิหาร และเกิดเหตุการณ์เหยียบกับระเบิด การปะทะกัน ระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา จนทำให้ทหารไทยเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บขาขาดหลายคน

แต่จนกระทั่งบัดนี้การแก้ไขปัญหาเขาพระวิหารก็ยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด เหมือนกับว่าต้องการรักษาปัญหานี้เอาไว้เพื่อให้เป็นปัญหาอมตะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.ศรีสะเกษ

นายทิวา กล่าวต่อว่า แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าปัญหานี้จะยังไม่มีความคืบหน้าในการแก้ไข ตนก็ขอเรียกร้องให้ทหารไทยตรึงกำลังรอบบริเวณเขาพระวิหารเช่นนี้ตลอดไปจนกว่าจะมีการผลักดันชาวกัมพูชาให้ออกไปจากเขตแดนไทย และมีการปักปันเขตแดนจนแล้วเสร็จเสียก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้ฝ่ายกัมพูชารุกล้ำเข้ามาในเขตแดนไทยมากขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งเพื่อเป็นการรักษาอธิปไตยของชาติไทยอย่างเต็มที่

นอกจากนี้ ตนเห็นว่า ควรที่จะเร่งดำเนินการเปิดอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปเที่ยวชมบริเวณอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารได้ตามปกติ เพราะการปิดอุทยานฯ เป็นการปิดกั้นดินแดนของไทย ไม่ให้คนไทยเข้าไปชมความสวยงามของประเทศไทย ทั้งที่ขณะนี้เหตุการณ์ต่างๆ ก็คลี่คลายสู่ภาวะปกติแล้ว ไม่มีอันตรายแต่อย่างใด ดังนั้น การเปิดอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารจะเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมสนับสนุนฟื้นฟูเศรษฐกิจการค้าการท่องเที่ยวของ จ.ศรีสะเกษ ให้กลับคืนมาเช่นเดิม

ทางด้าน นายภาสกร ศิริยะพันธุ์ เจ้าหน้าที่การทูต 9 ตัวแทนกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า การที่กระทรวงการต่างประเทศได้มาเปิดรับฟังข้อมูลและรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีปัญหาเขาพระวิหารในครั้งนี้ เนื่องจาก จ.ศรีสะเกษ เป็นจุดเกิดของปัญหานี้ ดังนั้น ข้อมูลและข้อเท็จจริงรวมทั้งความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่จึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งจะได้นำเอาความคิดเห็นทั้งหมดนำเสนอเข้าที่ประชุมของกระทรวงการต่างประเทศ และจะได้สรุปข้อมูลและความคิดเห็นนำเสนอไปยังนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ เพื่อให้พิจารณาดำเนินการแก้ปัญหาต่อไป