หนองคาย- กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ร่วมกับศาลจังหวัดหนองคาย พิจารณาไกล่เกลี่ยลูกหนี้ค้างชำระ ลดปัญหาการฟ้องร้องในชั้นศาล หลังพบแนวโน้มผู้กู้เพิ่มขึ้น
วันนี้ (15 ธ.ค.) ที่ศาลจังหวัดหนองคาย นายนพดล ลัญฉเวโรจน์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดหนองคาย เป็นประธานเปิดโครงการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาก่อนฟ้องคดีกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เพื่อช่วยเหลือผู้กู้ยืมเงินที่ค้างชำระหนี้รุ่นปี 2542-2547
นายเสริมเกียรติ ทัศนสุวรรณ ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ฝ่ายปฏิบัติการ กล่าวว่า เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาได้อนุมัติให้กู้ยืมแล้ว 3 ล้านคน ซึ่งมีประมาณ 1 ล้านคนเศษ ที่เข้าข่ายชำระหนี้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ซึ่งมีกลุ่มหนึ่งที่ค้างชำระมากว่า 4 ปี หรือ 5 งวดขึ้นไป ในปีนี้มีจำนวน 150,000 คน ที่เข้าข่ายต้องถูกดำเนินคดี
กองทุนพิจารณาว่าจะลดจำนวนผู้ถูกฟ้องให้น้อยลง และถ้าเอาคดีขึ้นสู่ศาลทั้งหมดจะเป็นภาระต่อศาลมาก จึงจัดโครงการนี้ขึ้น เพื่อให้ผู้กู้ไม่ต้องไปที่ศาล ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อส่วนลดเบี้ยปรับด้วย ถ้ามาทำประนอมหนี้กับทางศาลจะใช้เวลาผ่อนนานถึง 9 ปี โดย เริ่มตั้งแต่ 400-5,000 บาท หนี้โดยเฉลี่ยคนละ 20,000-30,000 บาท
สำหรับทุนทรัพย์ในจังหวัดหนองคาย 1,900 คน หรือประมาณ 127 ล้านบาท ค้างชำระเบี้ยปรับประมาณ 30 ล้านบาท ถ้ามาเข้าโครงการจะประหยัดเงินส่วนนี้ลงได้ ส่วนในปี 2552-2553 คาดว่า จะมียอดผู้ค้างชำระเพิ่มขึ้นเพราะปริมาณผู้กู้มีเพิ่มขึ้น
นายนพดล ลัญฉเวโรจน์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า เป็นการระงับข้อพิพาทให้แก่ประชาชน เพื่อไม่ให้มีคดีฟ้องร้องเข้าสู่ศาล และศาลยุติธรรมต้องเป็นองค์กรที่ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว ที่สำคัญที่สุด คือ จะต้องไม่แพง ถ้าไม่มีการไกล่เกลี่ยก่อนฟ้อง ทาง กยศ.จะฟ้องลูกหนี้และผู้ค้ำประกัน ต้องมีค่าใช้จ่ายในคดีต่างๆ เมื่อมีโครงการนี้ ประชาชน หรือ ลูกหนี้ที่เป็นนักเรียน นิสิต นักศึกษา ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
จึงอยากจะให้เข้าร่วมโครงการโดยไม่ต้องกลัวอะไร เพราะศาลมีหน้าที่อำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชน
วันนี้ (15 ธ.ค.) ที่ศาลจังหวัดหนองคาย นายนพดล ลัญฉเวโรจน์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดหนองคาย เป็นประธานเปิดโครงการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาก่อนฟ้องคดีกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เพื่อช่วยเหลือผู้กู้ยืมเงินที่ค้างชำระหนี้รุ่นปี 2542-2547
นายเสริมเกียรติ ทัศนสุวรรณ ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ฝ่ายปฏิบัติการ กล่าวว่า เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาได้อนุมัติให้กู้ยืมแล้ว 3 ล้านคน ซึ่งมีประมาณ 1 ล้านคนเศษ ที่เข้าข่ายชำระหนี้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ซึ่งมีกลุ่มหนึ่งที่ค้างชำระมากว่า 4 ปี หรือ 5 งวดขึ้นไป ในปีนี้มีจำนวน 150,000 คน ที่เข้าข่ายต้องถูกดำเนินคดี
กองทุนพิจารณาว่าจะลดจำนวนผู้ถูกฟ้องให้น้อยลง และถ้าเอาคดีขึ้นสู่ศาลทั้งหมดจะเป็นภาระต่อศาลมาก จึงจัดโครงการนี้ขึ้น เพื่อให้ผู้กู้ไม่ต้องไปที่ศาล ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อส่วนลดเบี้ยปรับด้วย ถ้ามาทำประนอมหนี้กับทางศาลจะใช้เวลาผ่อนนานถึง 9 ปี โดย เริ่มตั้งแต่ 400-5,000 บาท หนี้โดยเฉลี่ยคนละ 20,000-30,000 บาท
สำหรับทุนทรัพย์ในจังหวัดหนองคาย 1,900 คน หรือประมาณ 127 ล้านบาท ค้างชำระเบี้ยปรับประมาณ 30 ล้านบาท ถ้ามาเข้าโครงการจะประหยัดเงินส่วนนี้ลงได้ ส่วนในปี 2552-2553 คาดว่า จะมียอดผู้ค้างชำระเพิ่มขึ้นเพราะปริมาณผู้กู้มีเพิ่มขึ้น
นายนพดล ลัญฉเวโรจน์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า เป็นการระงับข้อพิพาทให้แก่ประชาชน เพื่อไม่ให้มีคดีฟ้องร้องเข้าสู่ศาล และศาลยุติธรรมต้องเป็นองค์กรที่ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว ที่สำคัญที่สุด คือ จะต้องไม่แพง ถ้าไม่มีการไกล่เกลี่ยก่อนฟ้อง ทาง กยศ.จะฟ้องลูกหนี้และผู้ค้ำประกัน ต้องมีค่าใช้จ่ายในคดีต่างๆ เมื่อมีโครงการนี้ ประชาชน หรือ ลูกหนี้ที่เป็นนักเรียน นิสิต นักศึกษา ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
จึงอยากจะให้เข้าร่วมโครงการโดยไม่ต้องกลัวอะไร เพราะศาลมีหน้าที่อำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชน
