หนองคาย- ตำรวจหนองคายยึดรถฟอร์จูนเนอร์ลาว ต้องสงสัยเป็นรถโจรกรรมจากฝั่งไทย เป็นคันที่ 5 ตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน ระบุเป็นรถยนต์ยอดฮิตของชาวลาว ขณะที่แก๊งมิจฉาชีพฉวยโอกาสขโมยรถจากไทยนำข้ามโขงไปขายต่อลาว เตือนผู้ซื้อชาวลาวตรวจสอบให้รอบคอบ ป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาภายหลัง
วันนี้ (11ธ.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น.พ.ต.อ.วิเชียร พิณดวง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองหนองคาย ร่วมกันตรวจสอบรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ทะเบียน กส 4203 กำแพงนคร ซึ่งมี นางเพ็ดมณีคอน วงดารา อายุ 28 ปี ราษฎรบ้านบึงคะยองใต้ กำแพงนคร แขวงกำแพงนครเวียงจันทน์ ส.ป.ป.ลาว เป็นคนขับมาทำธุระและนำไปจอดไว้ที่ลานจอดรถศูนย์การค้าบิ๊กเจียงโลตัส กลางเมืองหนองคาย
เจ้าหน้าที่เห็นเป็นรถยนต์ผิดสังเกต และต้องสงสัยว่า จะเป็นรถที่โจรกรรมจากประเทศไทย นำไปขายต่อที่ประเทศลาว จึงยึดไว้ทำการตรวจสอบที่ สภ.เมืองหนองคาย โดยเจ้าของรถชาวลาวต้องนำเอกสารหลักฐาน กรรมสิทธิ์การครอบครองรถที่ถูกต้องตามกฎหมายของทั้งสองประเทศ ซึ่งรถโตโยต้าคันนี้นับเป็นคันที่ 5 ตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ที่ตำรวจยึดไว้ และตรวจสอบแล้วพบว่ามีการแจ้งความรถหายไว้ที่ จ.สุโขทัย
พ.ต.อ.วิเชียร พิณดวง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้กำชับให้ตำรวจทุกพื้นที่เข้มงวดตรวจสอบรถยนต์ต้องสงสัย ว่าจะเป็นรถจากการโจรกรรมในพื้นที่ต่างๆ เพื่อนำไปขายต่อยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะรถโตโยต้า วีโก้ และฟอร์จูนเนอร์ กำลังเป็นที่นิยมของชาวลาว ซึ่งจะมีจุดสังเกตหลายแห่งที่เจ้าหน้าที่สามารถตั้งข้อสงสัยได้ อาทิ เลขเครื่อง การขูดเขียนลบเลขเครื่องออก โดยกระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์สามารถตรวจสอบได้
ที่ผ่านมา มีการเข้มงวด ทั้งบริเวณด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว หรือแม้กระทั่งการนำรถข้ามแม่น้ำโขง ซึ่งได้ประสานสนธิกำลังหลายฝ่ายระหว่างเจ้าหน้าที่ และประชาชนในหมู่บ้านชายแดนช่วยสอดส่องดูแลร่วมกัน นอกจากนี้ยังได้รับการติดต่อจากสมาคมประกันวินาศภัยที่จะมอบรางวัลให้เจ้าหน้าที่ ในกรณีที่สามารถติดตามรถที่ถูกโจรกรรมจากไทยกลับมาได้ คันละประมาณ 50,000 บาท ซึ่งเงินรางวัลนี้จะนำมาใช้ในกระบวนการตรวจสอบติดตามอย่างเข้มงวดของเจ้าหน้าที่
อย่างไรก็ตาม พบว่า ยังมีช่องโหว่ทางกฎหมายระหว่างไทย และกฎหมายลาว ซึ่งทำให้ขบวนการโจรกรรมรถใช้ในการลักลอบกระทำความผิด จึงเป็นประเด็นปัญหาที่ต้องหาทางเจรจาแก้ปัญหาร่วมกัน ซึ่งหากว่าเป็นรถที่นำเข้าถูกต้อง เจ้าของรถชาวลาวจะต้องมีใบอินวอยถูกต้องมายืนยันกับเจ้าหน้าที่ หรือหากตรวจสอบที่มาที่ไปที่ชัดเจนถูกกฎหมาย เจ้าหน้าที่ก็จะคืนรถให้
ชาวลาวเองแม้จะอ้างว่าซื้อรถมาถูกต้องตามกฎหมายลาว แต่หากนำรถข้ามมาที่ฝั่งไทย แล้วเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบเป็นรถต้องสงสัยก็ต้องถูกตรวจสอบ ซึ่งหากชาวลาวจะซื้อรถควรศึกษากฎหมายของประเทศตนและกฎหมายไทย เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาภายหลัง
วันนี้ (11ธ.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น.พ.ต.อ.วิเชียร พิณดวง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองหนองคาย ร่วมกันตรวจสอบรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ทะเบียน กส 4203 กำแพงนคร ซึ่งมี นางเพ็ดมณีคอน วงดารา อายุ 28 ปี ราษฎรบ้านบึงคะยองใต้ กำแพงนคร แขวงกำแพงนครเวียงจันทน์ ส.ป.ป.ลาว เป็นคนขับมาทำธุระและนำไปจอดไว้ที่ลานจอดรถศูนย์การค้าบิ๊กเจียงโลตัส กลางเมืองหนองคาย
เจ้าหน้าที่เห็นเป็นรถยนต์ผิดสังเกต และต้องสงสัยว่า จะเป็นรถที่โจรกรรมจากประเทศไทย นำไปขายต่อที่ประเทศลาว จึงยึดไว้ทำการตรวจสอบที่ สภ.เมืองหนองคาย โดยเจ้าของรถชาวลาวต้องนำเอกสารหลักฐาน กรรมสิทธิ์การครอบครองรถที่ถูกต้องตามกฎหมายของทั้งสองประเทศ ซึ่งรถโตโยต้าคันนี้นับเป็นคันที่ 5 ตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ที่ตำรวจยึดไว้ และตรวจสอบแล้วพบว่ามีการแจ้งความรถหายไว้ที่ จ.สุโขทัย
พ.ต.อ.วิเชียร พิณดวง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้กำชับให้ตำรวจทุกพื้นที่เข้มงวดตรวจสอบรถยนต์ต้องสงสัย ว่าจะเป็นรถจากการโจรกรรมในพื้นที่ต่างๆ เพื่อนำไปขายต่อยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะรถโตโยต้า วีโก้ และฟอร์จูนเนอร์ กำลังเป็นที่นิยมของชาวลาว ซึ่งจะมีจุดสังเกตหลายแห่งที่เจ้าหน้าที่สามารถตั้งข้อสงสัยได้ อาทิ เลขเครื่อง การขูดเขียนลบเลขเครื่องออก โดยกระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์สามารถตรวจสอบได้
ที่ผ่านมา มีการเข้มงวด ทั้งบริเวณด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว หรือแม้กระทั่งการนำรถข้ามแม่น้ำโขง ซึ่งได้ประสานสนธิกำลังหลายฝ่ายระหว่างเจ้าหน้าที่ และประชาชนในหมู่บ้านชายแดนช่วยสอดส่องดูแลร่วมกัน นอกจากนี้ยังได้รับการติดต่อจากสมาคมประกันวินาศภัยที่จะมอบรางวัลให้เจ้าหน้าที่ ในกรณีที่สามารถติดตามรถที่ถูกโจรกรรมจากไทยกลับมาได้ คันละประมาณ 50,000 บาท ซึ่งเงินรางวัลนี้จะนำมาใช้ในกระบวนการตรวจสอบติดตามอย่างเข้มงวดของเจ้าหน้าที่
อย่างไรก็ตาม พบว่า ยังมีช่องโหว่ทางกฎหมายระหว่างไทย และกฎหมายลาว ซึ่งทำให้ขบวนการโจรกรรมรถใช้ในการลักลอบกระทำความผิด จึงเป็นประเด็นปัญหาที่ต้องหาทางเจรจาแก้ปัญหาร่วมกัน ซึ่งหากว่าเป็นรถที่นำเข้าถูกต้อง เจ้าของรถชาวลาวจะต้องมีใบอินวอยถูกต้องมายืนยันกับเจ้าหน้าที่ หรือหากตรวจสอบที่มาที่ไปที่ชัดเจนถูกกฎหมาย เจ้าหน้าที่ก็จะคืนรถให้
ชาวลาวเองแม้จะอ้างว่าซื้อรถมาถูกต้องตามกฎหมายลาว แต่หากนำรถข้ามมาที่ฝั่งไทย แล้วเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบเป็นรถต้องสงสัยก็ต้องถูกตรวจสอบ ซึ่งหากชาวลาวจะซื้อรถควรศึกษากฎหมายของประเทศตนและกฎหมายไทย เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาภายหลัง