ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ตร.ภาค 3 รวบขบวนการขนกัญชารายใหญ่ ได้ผู้ต้องหาพร้อมของกลางกว่า 320 กก. มูลค่ากว่า 1.3 ล้านบาท เผยยัดกัญชาใส่ถุงปุ๋ยไว้ท้ายรถกระบะแล้วทับด้วยแตงโมอำพรางสายตาตำรวจ และเลี่ยงไปใช้ถนนสายรองแทน สารภาพได้ค่าจ้างขนเที่ยวละ 5 หมื่น ทำมาแล้ว 5 ครั้ง ด้าน ผบช.ภาค 3 สั่งตำรวจทั้ง 8 จังหวัดอีสานล่างตั้งจุดสกัดเข้มงวดโดยเฉพาะจังหวัดติดแนวชายแดน เพื่อสกัดกั้นป้องกันฉวยโอกาสลอบขนยาเสพติดในช่วงเทศกาลปีใหม่
วันนี้ (3 ธ.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่บริเวณด้านหน้ากองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3) แถลงผลการจับกุมผู้ลักลอบขนกัญชารายใหญ่ ได้ผู้ต้องหา 1 ราย คือ นายไพรวรรณ โสจันหอม อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 125 หมู่ 14 ต.นาคำ อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม พร้อมของกลางเป็นกัญชาแห้งอัดแท่งจำนวน 329 แท่ง รวม 321 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.3 ล้านบาท , รถยนต์กระบะ 1 คัน และ โทรศัพท์มือถืออีก 1 เครื่อง
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากชุดสืบสวนสอบสวน สภ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ สืบทราบว่า มีขบวนการค้ากัญชารายใหญ่ ทำการลำเลียงกัญชาแห้งอัดแท่งจาก จ.นครพนม ไปส่งให้ลูกค้าที่กรุงเทพฯ โดยใช้เส้นทางผ่าน อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ จึงตั้งด่านตรวจสกัดในเส้นทางถนนสุรนารายณ์ ช่วง กม.282-283 บ.ช่องสำราญ ม.8 ต.วะตะแบก อ.เทพสถิต กระทั่งเวลา 12.30 น.วานนี้ (2 ธ.ค.) รถยนต์ต้องสงสัยวิ่งเข้ามาใกล้ถึงจุดตรวจ จึงไหวตัวพยายามขับรถหลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้รถยนต์ออกไล่ติดตาม แต่รถของผู้ต้องหาเสียหลักพลิกคว่ำลงข้างทาง และคนขับวิ่งหลบหนี
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้กระจายกำลังจนสามารถจับกุม นายไพรวรรณ ผู้ต้องหาได้ และทำการตรวจค้นรถยนต์ พบว่าท้ายรถยนต์กระบะคันดังกล่าว ได้บรรทุกกัญชาแห้งอัดแท่งโดยบรรจุในกระสอบปุ๋ยสีขาวจำนวน 11 กระสอบ เป็นกัญชาจำนวน 329 แท่ง ด้านบนวางทับด้วยแตงโมเพื่ออำพรางการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
จากการสอบสวน นายไพรวรรณ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ขนกัญชามาจาก จ.นครพนม โดยมีคนสปป.ลาวนำมาส่งให้ ทำมาแล้วรวม 5 ครั้ง ได้ค่าจ้างในการขนกัญชาเที่ยวละ 50,000 บาท ซึ่งจะไปส่งให้ลูกค้าที่ตลาดไทย เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหามียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมายและควบคุมตัวดำเนินคดีต่อไป
ด้าน พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผบช.ภ.3 กล่าวว่า การจับกุมขบวนการขนกัญชาข้ามประเทศครั้งนี้ถือเป็นรายใหญ่และได้กัญชาเป็นจำนวนมาก ซึ่งจากพฤติกรรมการขนพบว่า แก๊งดังกล่าวหันไปใช้เส้นทางในถนนสายรองเพื่อหลบเลี่ยงด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ตั้งจุดตรวจสกัดบนถนนสายหลักหลายจุด
ฉะนั้น จากนี้ไปได้สั่งการไปยังพื้นที่ 8 จังหวัดอีสานตอนล่าง ให้เข้มงวดในการตั้งด่านตรวจสกัดทั้งถนนสายหลักและสายรองเพื่อตรวจสกัดการลักลอบขนยาเสพติดทุกประเภทเข้ามายังประเทศ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะมาถึง กลุ่มคนร้ายอาจฉวยโอกาสที่ประชาชนเดินทางจำนวนมากในการขนลำเลียงยาเสพติด
“สำหรับพื้นที่ที่จะต้องเข้มงวดเป็นพิเศษคือจังหวัดตามแนวชายแดน และให้ตรวจค้นรถโดยสารประจำทางอย่างเข้มงวด เนื่องจากแก๊งขนยาเสพติดมักจะนั่งโดยสารมากับรถโดยสารประจำทาง เพราะเชื่อว่าจะสามารถหลบหลีกการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้” พล.ต.ท.กฤษฎา กล่าว