ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- “นพ.วรรณรัตน์”รมว.พลังงาน เผยตั้งเป้าขยายการใช้พลังงานทดแทนก๊าซ NGVในภาคขนส่งเพิ่มขึ้นในอีก 15 ปีข้างหน้าเป็น 30% สามารถประหยัดเงินตรานำเข้าน้ำมันได้มากกว่า 1.22 แสนล้านบาท ระบุโครงการวางท่อก๊าซ ปตท.เดินหน้าต่อ คาดปี 2555 ถึงโคราชและเมืองย่าโมเป็นศูนย์กลางการจำหน่ายก๊าซ NGV ของภาคอีสาน ส่วนการปรับขึ้นราคายังไม่มีการหารือ ยืนยันขณะนี้ยังไม่มีการปรับขึ้นแต่อย่างใด มีเพียงการปรับขึ้นราคา LPG ในภาคการขนส่งเท่านั้น
ที่บริเวณด้านหน้าห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ นครราชสีมา ถ.มิตรภาพ อ.เมือง จ.นครราชสีมา นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นประธานเปิดงาน “มหกรรมยานยนต์โลจิสติกส์ไทย 2008 และ งานประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2551” ของสมาคมผู้ประกอบการขนส่งสินค้าภาคอีสาน ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-23 พ.ย.นี้ โดยมี นายปราโมท กงทอง นายกสมาคมผู้ประกอบการขนส่งสินค้าภาคอีสาน และสมาชิกสมาคมฯ ให้การต้อนรับ ซึ่งได้รับความสนใจจากพ่อค้า นักธุรกิจ และผู้ประกอบการรถบรรทุกสินค้าภาคอีสานเข้าร่วมงานกันอย่างคึกคัก
ทั้งนี้ เพื่อเผยแพร่เทคโนโลยีรุ่นล่าสุดของรถยนต์, ระบบ, อุปกรณ์ และการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับผู้ประกอบธุรกิจที่ต้องใช้รถบรรทุกสินค้า และ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการนำรถยนต์ ระบบ อุปกรณ์ หรือบริการที่ทันสมัยไปใช้ในธุรกิจ โดยภายในงานจัดให้มีนิทรรศการเกี่ยวกับพลังงานทดแทน เทคโนโลยีประหยัดน้ำมัน และการจัดแสดงเทคโนโลยีอุปกรณ์อะไหล่ยนต์รุ่นใหม่เป็นจำนวนมาก
นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า กระทรวงพลังงานให้การสนับสนุนภาคการขนส่งโดยให้หันไปใช้ก๊าซ NGV แทนน้ำมันเชื้อเพลิงเพราะมีราคาถูกกว่า ขณะนี้มีการใช้ก๊าซ NGV ในภาคการขนส่งประมาณ 5% ซึ่งจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
กระทรวงฯ ตั้งเป้าหมายว่าอีก 15 ปีข้างหน้าตามแผนพลังงานทดแทน 15ปี จะสามารถเพิ่มสัดส่วนการใช้ก๊าซ NGV ในภาคการขนส่งวันนี้ไปถึง 30% ซึ่งหากทำได้จริงจะสามารถประหยัดเงินตราจากการนำเข้าน้ำมันได้ถึงปีละ 1.22 แสนล้านบาท และประหยัดเงินตราของผู้ประกอบการที่เป็นเจ้าของรถบรรทุกได้อีก กว่า 1 แสนล้านบาท
ในส่วนของภาคอีสานโครงการวางท่อก๊าซ NGV ของ ปตท. ก็เดินหน้าต่อไป ประมาณปี 2554 หรือ ต้นปี 2555 ท่อแก๊สจะมาถึงจังหวัดนครราชสีมา และโคราชจะเป็นศูนย์กลางในการจำหน่ายให้กับภาคอีสาน ตามแนวทางที่ท่อเดินไปสามารถตั้งสถานีบริการแก๊สได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งจะอำนวยความสะดวกให้กับรถบรรทุกสินค้าภาคอีสานที่ใช้เส้นทางนี้
นพ.วรรณรัตน์ กล่าวอีกว่า จากปัญหาของการปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์มาติดตั้งก๊าซ NGV ที่ต้องใช้ต้นทุนค่อนข้างสูงนั้น ล่าสุดทางกระทรวงฯ ได้มีแนวทางในการช่วยเหลือผู้ประกอบการรถบรรทุกโดยผลิตถังก๊าซ NGV เองโดยจะไม่นำเข้าจากต่างประเทศ คาดว่าภายในสิ้นปี 2552 จะสามารถเปิดจำหน่ายถังก๊าซ NGV ที่ผลิตในประเทศไทยได้ ที่สำคัญคือราคาต้องถูกกว่าการนำเข้าอย่างแน่นอน
ส่วนการปรับขึ้นราคาก๊าซ NGV ได้ให้นโยบายกับผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนกระทรวงพลังงานให้พิจารณาตัวเลข ขณะนี้ยังไม่มีการตัดสินใจที่จะปรับราคาขึ้นแต่อย่างใด ส่วนจะมีการปรับขึ้นหรือไม่ในอนาคตจะมีการประชุมหารือกันอีกครั้ง แต่ขณะนี้ยืนยันว่าไม่มีการปรับอย่างแน่นอน ไว้ถึงเวลาถ้ามีการประชุมกันเรียบร้อยแล้วจะบอกให้ทราบอีกครั้ง
ส่วนการปรับขึ้นราคาก๊าซ LPG นั้น ในภาคครัวเรือนไม่ได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน แต่ในภาคการขนส่งจะได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะเป็นการปรับขึ้นเพียงเล็กน้อยเริ่มจากเดือนละ 2 บาท/กิโลกรัมหรือ 1 บาท/ลิตร เดือนที่ 2 ก็ปรับขึ้น 4 บาท/กิโลกรัมหรือ 2 บาท/ลิตร และเดือนที่ 3 ก็จะปรับขึ้น 6 บาท/กิโลกรัมหรือ 3 บาท/ลิตร ซึ่งเป็นการปรับขึ้นเล็กน้อยไม่กระทบต่อภาคการขนส่งแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันการนำก๊าซหุงต้มมาใช้ในภาคการขนส่งนั้น ได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาติดตามตรวจสอบเรื่องนี้โดยตรง เพราะหากนำก๊าซหุงต้มมาใช้กับการขนส่งจะเกิดอันตรายอย่างยิ่ง และขอร้องว่าอย่าทำเพราะมันเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน
