เชียงราย – พันธมิตรฯ เมืองพ่อขุน 3 คันรถบัสล้อหมุนมุ่งหน้าเข้ากรุงแล้ว หลังต้องย้ายที่นัดหมายกระทันหัน เพราะถูกลิ่วล้อ “ระบอบแม้ว” ตามราวี – สกัดรถ – รุมทำร้าย
เมื่อเวลา 17.00 น.วันนี้ (22 พ.ย.) กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ซึ่งมีการรวมตัวกันอย่างเงียบๆ ในพื้นที่ จ.เชียงราย ได้ไปรวมตัวกันบริเวณด้านหลังอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช ในเขตเทศบาลนครเชียงราย อ.เมือง เพื่อเตรียมตัวเดินทางด้วยรถบัสจำนวน 3 คันไปร่วมชุมนุมขับไล่รัฐบาลทรราชที่ทำเนียบรัฐบาล
แต่ปรากฎว่าได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเพราะระหว่างที่กลุ่ม พธม.เชียงราย กำลังไปรวมตัวกันและรถบัสเตรียมจะเข้าไปรับ ได้มีกลุ่มคนที่ไม่เป็นมิตรหลายสิบคนทำท่าว่าจะไปตรวจสอบว่า จะมีคนเดินทางไปกรุงเทพฯ ด้วยหรือไม่ ทำให้พลเมืองที่กำลังจะเดินทางพากันเดินหนี และต้องประสานกันเพื่อเปลี่ยนสถานที่ในการขึ้นรถบัสไปยังอีกจุดหนึ่งอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามการย้ายสถานที่ขึ้นรถอย่างกระทันหันในช่วงเย็น เป็นไปด้วยความราบรื่น ทำให้กลุ่มชายฉกรรจ์ที่ไปตรวจสอบความเคลื่อนไหวบริเวณหลังอนุสาวรีย์หัวเสียอย่างเห็นได้ชัด และท้ายที่สุดขบวนรถบัสของกลุ่ม พธม.ชาวเชียงราย ก็เคลื่อนออกจาก จ.เชียงราย มุ่งหน้าไปสมทบกับการชุมนุมใหญ่ครั้งสุดท้ายของ พธม.ที่ทำเนียบรัฐบาลได้
ทั้งนี้ผู้ที่เดินทางไปมีทั้งข้าราชการ นักธุรกิจและประชาชนทั่วไปที่ต้องการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะเห็นว่าการกระทำของระบอบทักษิณคุกคามต่อสถาบันรวมทั้งไม่พอใจต่อคำพูดของ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ระบุว่า "ม็อบมีเส้น" หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ลำพูน คนหนึ่งที่ระบุในทำนองว่าหาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมามีอำนาจจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างของประเทศไทยได้
ผู้เดินทางคนหนึ่งกล่าวว่า น่าเสียดายที่เชียงราย ไม่เสรีภาพเหมือนบางจังหวัดที่สามารถปรากฎตัวหรือเคลื่อนไหวเดินทางไปได้โดยสะดวก เพราะมีการคุกคามการเคลื่อนไหวอย่างหนักทั้งทำร้ายร่างกาย ข้าวของ ฯลฯ ทำให้การดำเนินการใดๆ ที่เป็นไปด้วยอหิงสาและสงบของพวกเราไม่สามารถเปิดเผยตัวได้
รายงานข่าวแจ้งว่าสำหรับฝ่ายตรงกันข้ามคือกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย นำโดย น.ส.จิรนันท์ จันทวงศ์ ซึ่งเคลื่อนไหวต่อต้าน พธม.ในพื้นที่ จ.เชียงราย และภาคเหนือมาโดยตลอดยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ในช่วง 1-2 วันนี้ แต่อาจจะเดินทางเข้าไปยังกรุงเทพฯ ในวันจันทร์ที่ 24 พ.ย.51 ทำให้หน่วยงานความมั่นคงหลายฝ่ายได้ประเมินสถานการณ์ว่าอาจจะเกิดความรุนแรงขึ้นได้
เมื่อเวลา 17.00 น.วันนี้ (22 พ.ย.) กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ซึ่งมีการรวมตัวกันอย่างเงียบๆ ในพื้นที่ จ.เชียงราย ได้ไปรวมตัวกันบริเวณด้านหลังอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช ในเขตเทศบาลนครเชียงราย อ.เมือง เพื่อเตรียมตัวเดินทางด้วยรถบัสจำนวน 3 คันไปร่วมชุมนุมขับไล่รัฐบาลทรราชที่ทำเนียบรัฐบาล
แต่ปรากฎว่าได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเพราะระหว่างที่กลุ่ม พธม.เชียงราย กำลังไปรวมตัวกันและรถบัสเตรียมจะเข้าไปรับ ได้มีกลุ่มคนที่ไม่เป็นมิตรหลายสิบคนทำท่าว่าจะไปตรวจสอบว่า จะมีคนเดินทางไปกรุงเทพฯ ด้วยหรือไม่ ทำให้พลเมืองที่กำลังจะเดินทางพากันเดินหนี และต้องประสานกันเพื่อเปลี่ยนสถานที่ในการขึ้นรถบัสไปยังอีกจุดหนึ่งอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามการย้ายสถานที่ขึ้นรถอย่างกระทันหันในช่วงเย็น เป็นไปด้วยความราบรื่น ทำให้กลุ่มชายฉกรรจ์ที่ไปตรวจสอบความเคลื่อนไหวบริเวณหลังอนุสาวรีย์หัวเสียอย่างเห็นได้ชัด และท้ายที่สุดขบวนรถบัสของกลุ่ม พธม.ชาวเชียงราย ก็เคลื่อนออกจาก จ.เชียงราย มุ่งหน้าไปสมทบกับการชุมนุมใหญ่ครั้งสุดท้ายของ พธม.ที่ทำเนียบรัฐบาลได้
ทั้งนี้ผู้ที่เดินทางไปมีทั้งข้าราชการ นักธุรกิจและประชาชนทั่วไปที่ต้องการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะเห็นว่าการกระทำของระบอบทักษิณคุกคามต่อสถาบันรวมทั้งไม่พอใจต่อคำพูดของ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ระบุว่า "ม็อบมีเส้น" หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ลำพูน คนหนึ่งที่ระบุในทำนองว่าหาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมามีอำนาจจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างของประเทศไทยได้
ผู้เดินทางคนหนึ่งกล่าวว่า น่าเสียดายที่เชียงราย ไม่เสรีภาพเหมือนบางจังหวัดที่สามารถปรากฎตัวหรือเคลื่อนไหวเดินทางไปได้โดยสะดวก เพราะมีการคุกคามการเคลื่อนไหวอย่างหนักทั้งทำร้ายร่างกาย ข้าวของ ฯลฯ ทำให้การดำเนินการใดๆ ที่เป็นไปด้วยอหิงสาและสงบของพวกเราไม่สามารถเปิดเผยตัวได้
รายงานข่าวแจ้งว่าสำหรับฝ่ายตรงกันข้ามคือกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย นำโดย น.ส.จิรนันท์ จันทวงศ์ ซึ่งเคลื่อนไหวต่อต้าน พธม.ในพื้นที่ จ.เชียงราย และภาคเหนือมาโดยตลอดยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ในช่วง 1-2 วันนี้ แต่อาจจะเดินทางเข้าไปยังกรุงเทพฯ ในวันจันทร์ที่ 24 พ.ย.51 ทำให้หน่วยงานความมั่นคงหลายฝ่ายได้ประเมินสถานการณ์ว่าอาจจะเกิดความรุนแรงขึ้นได้