บุรีรัมย์ -วิกฤตเศรษฐกิจส่งผลกระทบร้านรับซื้อของเก่าทั้งเล็กและใหญ่ จ.บุรีรัมย์เดือดร้อนหนักขาดเงินหมุนเวียนในกิจการ เหตุโรงงานหลอมเหล็กชะลอไม่รับซื้อเหล็กตกค้างในจังหวัดรวมกว่า 2,000 ตัน กว่า 20 ล้าน ประกอบกับเหล็กที่รับซื้อไว้ ก.ก.ละ 17 บาท ราคาตกฮวบเหลือ 4.8 บาท/ก.ก.เท่านั้น เช่นเดียวกับราคากล่องกระดาษ
วันนี้ (6 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดบุรีรัมย์ว่า ผู้ประกอบการร้านรับซื้อของเก่าทั้งรายเล็กและรายใหญ่ ที่ จ.บุรีรัมย์กว่า 10 แห่ง ได้รับความเดือดร้อนหนัก หลังรับซื้อเศษเหล็กจากลูกค้ามาราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 17 บาท แต่ราคาขายส่งให้โรงงานหลอมขณะนี้ตกต่ำเหลือเพียงกิโลกรัมละ 4.8 บาทเท่านั้น เนื่องมาจากปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศอยู่ขณะนี้
ส่วนกล่องกระดาษที่ซื้อไว้ในราคากิโลกรัมละ 7 บาท ราคาขายออกลดเหลือเพียงกิโลกรัม 2 บาท ทำให้ต้องประสบปัญหาขาดทุน ไม่สามารถที่จะนำไปขายส่งโรงงานได้
ล่าสุดโรงงานหลอมเหล็กหลายแห่งในประเทศ ได้ประกาศชะลอการรับซื้อเศษเหล็กโดยไม่มีกำหนด อ้างว่าต่างประเทศชะลอการสั่งเหล็กนำเข้าจากโรงงานหลอมเหล็กในประเทศไทย ทำให้เศษเหล็กที่ผู้ประกอบการร้านรับซื้อของเก่าในจังหวัดบุรีรัมย์รับซื้อไว้รวมกว่า 2,000 ตัน มูลค่ากว่า 20 ล้านบาท แล ะกล่องกระดาษตกค้าง 1,000 ตัน ไม่สามารถส่งขายได้ ทำให้ต้องประสบปัญหาขาดเงินทุนหมุนเวียนในกิจการอย่างหนักอยู่ในขณะนี้
นายสุชาติ วงปลื้มปิติ ผู้ประกอบการรับซื้อของเก่า “เตี่ยทำไร” ในเขต อ.เมืองบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า ตนต้องแบกรับภาระไม่มีเงินทุนหมุนเวียนที่จะรับซื้อของเก่า รวมทั้งค่าจ้างแรงงาน ทำให้เหล็ก และกล่องกระดาษที่รับซื้อไว้ต้องตกค้างรวมกว่า 200 ตัน ไม่สามารถส่งจำหน่ายได้ จึงต้องนำสินค้าที่ขายออกได้ เช่น เศษแก้ว พลาสติก ทองแดง และอลูมิเนียม ไปขายนำเงินมาหมุนเวียนในการรับซื้อของเก่าและจ่ายค่าจ้างแรงงาน ถึงแม้จะมีราคาตกต่ำก็ตาม
“จึงวิงวอนให้รัฐบาลเร่งเข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจโดยรวมในประเทศให้มีสภาพคล่องในภาคธุรกิจต่างๆโดยเร็วด้วย” นายสุชาติ กล่าว
