ศูนย์ข่าวศรีราชา - กลุ่มเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก ประณาม “รักเชียงใหม่ 51” คุกคามสื่อรุนแรงโดยไม่ปิดล้อมและขับไล่เจ้าหน้าที่ของสถานีโทรทัศน์ทีวีไทย หรือไทยพีบีเอส.
นายสุทธิ อัฌชาศัย ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก กล่าวถึงกรณีเหตุการณ์“ กลุ่มรักเชียงใหม่ 51” นำมวลชนปิดล้อมและบุกเข้าในสถานีโทรทัศน์ทีวีไทย หรือไทยพีบีเอส ศูนย์ข่าวภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 3 พ.ย.2551 ที่ผ่านมา เพราะไม่พอใจกรณีที่มีการนำเสนอข่าว ระบุว่ากลุ่มคนใส่เสื้อแดงจังหวัดเชียงใหม่ที่เข้าไปร่วมชุมนุมรายการ “ความจริงวันนี้สัญจร” เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมานั้น ได้รับค่าจ้างคนละ 2,000-3,000 บาทต่อวัน
สำหรับการนำเสนอข่าวดังกล่าวเป็นบทบาทหน้าที่ของสื่อมวลชนจะนำเสนอสู่สาธารณชน เมื่อได้รับข้อมูลหรือรายละเอียดดังกล่าว แต่เมื่อนำเสนอไปแล้วและไม่เป็นข้อเท็จจริงหรือไม่ถูกต้อง ก็ออกมาชี้แจงข้อมูลที่เกิดขึ้น โดยไม่ใช่ใช้กำลังมวลชนมาปิดล้อมและขับไล่พนักงาน นอกจากนั้นยังมีการข่มขู่ต่างๆ นานาด้วย
นายสุทธิ กล่าวต่อไปว่า การกระทำดังกล่าว ถือว่าเป็นการคุกคามสื่ออย่างรุนแรง และถือว่าเป็นการกระทำทำที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้นในกลุ่มเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก ขอประณามการกระทำครั้งนี้ และถือว่าเป็นการลิดรอนสิทธิมนุษยชน, ทำลายสิทธิเสรีภาพของระบอบประชาธิปไตย ที่สำคัญไม่มีจิตสำนึก ต่อสถานการณ์และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้
“ทางกลุ่มขอให้กำลังให้ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชนทุกแขนง โดยเฉพาะนักข่าวสถานีโทรทัศน์ทีวีไทย ศูนย์ข่าวภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ทุกคน ในการปฏิบัติหน้าที่เสนอข่าวสารอย่างตรงไปตรงมา เพื่อเป็นประโยชน์ในการเข้าถึงข่าวสารของสังคม และขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายต้องหยุดช่วยคนผิด ให้พ้นจากการรับโทษ และหากใครมีส่วนร่วมในกระบวนการดังกล่าว ควร จะต้องออกมารับผิดในการกระทำครั้งนี้” นายสุทธิ กล่าว
นายสุทธิ อัฌชาศัย ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก กล่าวถึงกรณีเหตุการณ์“ กลุ่มรักเชียงใหม่ 51” นำมวลชนปิดล้อมและบุกเข้าในสถานีโทรทัศน์ทีวีไทย หรือไทยพีบีเอส ศูนย์ข่าวภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 3 พ.ย.2551 ที่ผ่านมา เพราะไม่พอใจกรณีที่มีการนำเสนอข่าว ระบุว่ากลุ่มคนใส่เสื้อแดงจังหวัดเชียงใหม่ที่เข้าไปร่วมชุมนุมรายการ “ความจริงวันนี้สัญจร” เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมานั้น ได้รับค่าจ้างคนละ 2,000-3,000 บาทต่อวัน
สำหรับการนำเสนอข่าวดังกล่าวเป็นบทบาทหน้าที่ของสื่อมวลชนจะนำเสนอสู่สาธารณชน เมื่อได้รับข้อมูลหรือรายละเอียดดังกล่าว แต่เมื่อนำเสนอไปแล้วและไม่เป็นข้อเท็จจริงหรือไม่ถูกต้อง ก็ออกมาชี้แจงข้อมูลที่เกิดขึ้น โดยไม่ใช่ใช้กำลังมวลชนมาปิดล้อมและขับไล่พนักงาน นอกจากนั้นยังมีการข่มขู่ต่างๆ นานาด้วย
นายสุทธิ กล่าวต่อไปว่า การกระทำดังกล่าว ถือว่าเป็นการคุกคามสื่ออย่างรุนแรง และถือว่าเป็นการกระทำทำที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้นในกลุ่มเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก ขอประณามการกระทำครั้งนี้ และถือว่าเป็นการลิดรอนสิทธิมนุษยชน, ทำลายสิทธิเสรีภาพของระบอบประชาธิปไตย ที่สำคัญไม่มีจิตสำนึก ต่อสถานการณ์และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้
“ทางกลุ่มขอให้กำลังให้ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชนทุกแขนง โดยเฉพาะนักข่าวสถานีโทรทัศน์ทีวีไทย ศูนย์ข่าวภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ทุกคน ในการปฏิบัติหน้าที่เสนอข่าวสารอย่างตรงไปตรงมา เพื่อเป็นประโยชน์ในการเข้าถึงข่าวสารของสังคม และขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายต้องหยุดช่วยคนผิด ให้พ้นจากการรับโทษ และหากใครมีส่วนร่วมในกระบวนการดังกล่าว ควร จะต้องออกมารับผิดในการกระทำครั้งนี้” นายสุทธิ กล่าว
