บุรีรัมย์ - พระสงฆ์และชาวบ้าน อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์สุดทน ลุกฮือรวมตัวประท้วงร้องขอความเป็นธรรมกรณีนายทุนฮุบที่ดินทางเดินสาธารณะและคัดค้านคำสั่งนายอำเภอให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง เมรุเผาศพ ห้องน้ำและต้นไม้ที่ชาวบ้านได้ร่วมกันสร้างและปลูกไว้ภายในวัด เพื่อเอื้อประโยชน์ให้เป็นถนนทางเดินเข้าไปยังที่ดินนายทุนดังกล่าว โดยอ้างใช้เป็นทางเดินสาธารณะ
วันนี้(27 ต.ค.) พระสงฆ์วัดห้วยเฉลาและชาวบ้านห้วยเฉลาหมู่ 2 และหมู่ 11 ต.หนองบอน อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ กว่า 100 คน สุดทนลุกฮือรวมตัวประท้วงเรียกร้องขอความเป็นธรรมกรณี ถูกนายทุนรังแกใช้รถไถเข้าไปปรับพื้นที่ฮุบที่ดินทางเดินสาธารณะ ซึ่งชาวบ้านใช้ร่วมกันมานาน ตั้งแต่ก่อตั้งวัดห้วยเฉลาจนถึงขณะนี้เป็นเวลากว่า 40 ปี พร้อมได้ออกเอกสารสิทธิ์ครอบครองทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนไม่มีทางเดิน
ซ้ำร้ายทางอำเภอกลับมีคำสั่งให้วัดห้วยเฉลารื้อถอนต้นไม้ และสิ่งปลูกสร้างทั้งเมรุเผาศพ ห้องน้ำ ภายในวัดที่ชาวบ้านได้ร่วมกันบริจาคเงินก่อสร้าง เพื่อเปิดเป็นถนนทางเดินเข้าไปยังที่ดินนายทุน โดยอ้างว่าวัดได้รุกที่ดินทางเดินสาธารณะเดิม จึงสร้างความไม่พอใจให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก ชาวบ้านทั้ง 2 หมู่บ้านจึงได้ร่วมกันออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม พร้อมขอให้ทางอำเภอประโคนชัยทบทวนและเพิกถอนคำสั่ง หากไม่ถอนเพิกถอนคำสั่งชาวบ้านจะรวมตัวคัดค้านจนถึงที่สุด
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาชาวบ้านไม่กล้าที่จะคัดค้านนายทุนฮุบที่ดินทางเดินสาธารณะแห่งนี้ เพราะชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นลูกหนี้ และเกรงกลัวอำนาจนายทุนที่ออกสารสิทธิ์ครอบครองที่ดินดังกล่าวซึ่งเป็นผู้กว้างขวาง
นายปัญญา แจ่มประโคน อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99 หมู่ 11 บ้านห้วยเฉลา ต.หนองบอน อ.ประโคนชัย ไวยาวัจกรประจำวัดห้วยเฉลา กล่าวว่า หลังได้รับหนังสือ เมื่อวันที่ 13 ต.ค.ที่ผ่านมา ชาวบ้านต่างตกใจและมีการประชุมทันที พร้อมได้เข้ายื่นหนังสืออุธรณ์คำสั่ง เมื่อวันที่ 24 ต.ค.เพื่อคัดค้านการออกคำสั่ง ของทางอำเภอประโคนชัย เพราะเป็นคำสั่งที่ไม่ถูกต้อง
โดยที่ดินแปลงที่มีปัญหาดังกล่าว อยู่ติดหลังวัดด้านทิศตะวันออก เดิมจะเป็นหลักฐาน สค.1 มีจำนวน 18 ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินของชาวบ้านที่ถูก นายราม ปุยะติ นายทุนยึดมา เมื่อ 2 ปีก่อน ต่อมานายราม เจ้าของที่ได้ใช้รถไถปรับที่ดินเอาถนนทางเกวียน 2 ด้าน คือ ด้านติดวัดและด้านติดอ่างเก็บน้ำ มาเป็นที่นาทำการปลูกข้าว แล้วให้เจ้าหน้าที่ปฏิรูปที่ดินมารังวัดออกเอกสารหลักฐาน สปก.ใหม่ ทำให้มีเนื้อที่เพิ่มขึ้นเป็น 26 ไร่ แต่ชาวบ้านไม่กล้าทักท้วง เพราะนายราม เป็นคนกว้างขวาง มีอำนาจ และเป็นนายทุนปล่อยเงินกู้ให้กับชาวบ้าน
แต่ครั้งนี้ชาวบ้านสุดทนเพราะนายราม ไปร้องเรียนอำเภอจะเอาที่ดินของวัดมาเป็นทางเดินของตนเองเพิ่มอีก นอกจากนี้สิ่งปลูกสร้าง เช่น ห้องน้ำ และเมรุเผาศพ ชาวบ้านได้บริจาคเงินมาก่อสร้าง ซึ่งหากอำเภอจะมารื้อถอนออก ซึ่งชาวบ้านจะไม่ยินยอมโดยเด็ดขาดและพร้อมจะต่อสู้จนถึงที่สุด
ทางด้านพระอธิการวิรัตน์ กตสาโร เจ้าอาวาสวัดห้วยเฉลา กล่าวว่า วัดเป็นของชาวบ้านทุกคนไม่เคยจะไปบุกรุกที่ดินสาธารณะแต่อย่างใด มีแต่นายทุนและชาวบ้านบางคนที่พยายามบุกรุกที่ดินมาโดยตลอด ซึ่งคำสั่งของทางอำเภอประโคนชัย เป็นคำสั่งที่ไม่ถูกต้องเพราะไม่เคยมีเจ้าหน้าที่ของทางอำเภอมาตรวจสอบ และสอบถามความจริงกับวัด และชาวบ้าน
รวมทั้งตัวนายอำเภอประโคนชัยเองก็ไม่เคยเข้ามาดูสภาพที่แท้จริงแต่มาตัดสินเอาเอง โดยทางวัดพร้อมที่จะให้ตรวจสอบทั้งภาพถ่ายทางอากาศ และพยานบุคคลคือเจ้าของที่ดินเดิมที่บริจาคที่ดินให้วัดเพิ่ม กรณีดังกล่าวจึงขอเรียกร้องให้ทางอำเภอได้เข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อให้ความเป็นธรรมกับวัดและชาวบ้านด้วย