ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - แม่ทัพภาคที่ 2 ยันสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ ทหารทั้ง 2 ประเทศคืนสู่ความสัมพันธ์ที่เป็นปกติแล้ว หลังเกิดเหตุปะทะเดือดที่บริเวณภูมะเขือ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา ยันทหารไทยทำหน้าที่รักษาอธิปไตยของไทยอย่างเต็มความสามารถ ขวัญกำลังใจดี พร้อมวอนประชาชนร่วมมือกันทำให้ประเทศชาติบ้านเมืองอยู่ในความสงบเรียบร้อย กลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็ว
วันนี้ (13 ต.ค.) พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) เปิดเผยถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ว่า หลังจากมีเหตุปะทะกันระหว่างทหารไทยกับกัมพูชาที่บริเวณตีนเขาภูมะเขือ เมื่อวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุด จนถึงขณะนี้ได้คืนสู่ความสัมพันธ์ที่เป็นปกติและดีขึ้นตามลำดับแล้ว ซึ่งหน่วยทหารทั้ง 2 ฝ่ายได้พูดคุยกันมากขึ้น เข้าใจกันดี และขอให้มั่นใจได้ว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว
ที่ผ่านมา ทั้ง 2 ประเทศ ได้มีการเจรจาพูดคุยกันตลอด ผลการเจรจาเป็นไปในแนวทางที่ดี ทั้ง 2 ฝ่ายเตรียมที่จะปรับลดกำลังทหาร ตามที่ได้ตกลงกันไว้ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการปรับลดกำลังไปแล้วบางส่วน
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า ทหารของไทยได้ทำให้ที่รักษาอธิปไตยของไทยอย่างเต็มที่ และขวัญกำลังใจทหารทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ดีทุกคน พร้อมทำหน้าที่ดูแลประเทศไทยให้ดีที่สุด
สำหรับสถานการณ์บ้านเมืองภายในประเทศนั้น หลังจากเข้ามารับตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ประมาณ 2 สัปดาห์แล้ว โดยภาพรวมยังไม่เป็นที่น่าพอใจนัก เนื่องจากสถานการณ์บ้านเมืองยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติ มีเหตุวุ่นวายเกิดขึ้นตลอด ตรงนี้ประชาชนทุกคนคงจะต้องช่วยกันร่วมมือกัน ทำให้ประเทศชาติอยู่ในความสงบเรียบร้อย กลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้อย่างเต็มกำลังความสามารถ
ส่วนการดูแลช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคอีสานนั้น พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ กล่าวว่า ทางกองทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้หน่วยทหารทุกหน่วยเข้าไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนจากอุทกภัยในทุกพื้นที่แล้ว ล่าสุดขณะนี้พื้นที่ที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดคือ จ.อุบลราชธานี เนื่องจากน้ำจากแม่น้ำชี และ แม่น้ำมูล จะไหลลงไปรวมกันที่ จ.อุบลราชธานี ก่อนที่จะไหลลงสู่แม่น้ำโขง จากรายงานล่าสุด พบว่า ปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง