ศูนย์ข่าวศรีราชา - กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี จัดประชุมสำรวจความคิดเห็นโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญกีฬาบริเวณชายฝั่งทะเลอ่าวไทยและอันดามัน มองพื้นที่เมืองพัทยาเป็น 1 ใน 4 เป้าหมายหลัก ด้านผู้นำท้องถิ่นชี้หวั่นผลกระทบสิ่งแวดล้อม หลังพบว่าโครงการต้องก่อสร้างแนวกั้นคลื่น ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้ชายหาดหดหาย
ที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา นายกัมปนาท ชีวะปรีชา กรรมการผู้จัดการ บ.โกล เด้นแพลน จำกัด พร้อมตัวแทนจากบริษัท ซี สเปคตรัม และ บจก.เอส.ที.เอส. ซึ่งได้รับการว่าจ้างจากกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี ให้ศึกษาความเหมาะสมทางเศรษฐกิจ วิศวกรรม สิ่ง แวดล้อม และสำรวจออกแบบรายละเอียด เพื่อก่อสร้างท่าเทียบเรือกีฬาบริเวณชายฝั่งทะเลอ่าวไทยและอันดามัน เดินทางเข้าร่วมชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการดังกล่าว พร้อมรับฟังความคิดเห็นจากคณะผู้บริหาร ผู้นำท้องถิ่น และผู้ประกอบการในพื้นที่เมืองพัทยา หลังจากที่กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี มีแนวความคิดในการจัดสร้างท่าเทียบเรือดังกล่าวใน 4 พื้นที่หลัก ได้แก่เมืองพัทยา เกาะสมุย ภูเก็ต และพังงา
นายกัมปนาท กล่าวว่า ปัจจุบันกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี มีแนวคิดในการจัดสร้างท่าเทียบเรือสำราญในพื้นที่ท่องเที่ยวขึ้น เพื่อใช้ในการส่งเสริมภาพลักษณ์ด้านการท่อง เที่ยว การให้บริการที่ครอบคลุมแก่นักท่องเที่ยว และการสนับสนุนกิจกรรมการกีฬาทางน้ำ ซึ่งได้กำหนดจัดสร้างในพื้นที่อ่าวไทย และอันดามันจำนวน 4 แห่ง
จากการวิเคราะห์การศึกษาพบว่า เมืองพัทยาเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีความเหมาะสม เนื่องจากมีกิจกรรมท่องเที่ยวทางเรือมากและปริมาณนักท่องเที่ยวต่อปีสูง จึงได้มอบหมายให้บริษัทที่ปรึกษาทำการสำรวจ ศึกษาและวิเคราะห์ความเป็นไปได้ในการจัดทำโครงการ
เบื้องต้นมีแผนงานในการก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญ บริเวณแหลมบาลีฮาย หน้าที่ทำการศูนย์กู้ภัย ซึ่งสามารถจอดเรือได้จำนวน 198 ลำ ในงบประมาณ 684 ล้านบาท พร้อมกับการก่อสร้างเขื่อนกันคลื่นหินจำนวน 2 จุด บริเวณหน้าอ่าวความยาวรวมประมาณ 600 เมตร และเขื่อนกันคลื่นแบบลอยน้ำยาวประมาณ 350 เมตร ขณะที่ปัญหาที่วิตกคือผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการกัดเซาะตามแนวชายหาดนั้น พบว่าไม่มีผลกระทบแต่อย่างใด ดังนั้นจึงได้เข้าร่วมประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของท้องถิ่น เพื่อนำไปประกอบการผลการศึกษาต่อไป
ขณะที่ นายสนิท บุญมาฉาย สมาชิกสภาเมืองพัทยา กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นคนประกอบอาชีพด้านเรือท่องเที่ยว จึงไม่ทราบว่าโครงการนี้ทำเพื่อใครใช่เมืองพัทยาหรือไม่ เนื่องจากปัจจุบันปริมาณเรือที่มีอยู่ก็จำนวนมากจนยากจะควบคุมอยู่แล้ว และหากมีการก่อสร้างท่าเรืออีกก็จะทำให้มีปริมาณเรือเพิ่มขึ้น ที่สำคัญปัจจุบันเมืองพัทยาผ่านงบประมาณในการจัดสร้างที่จอดรถและเรือบริเวณแหลมบาลีฮายแล้วจะถือว่าซ้ำซ้อนหรือไม่
นายสนิท กล่าวต่อไปว่า สำหรับโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือ แม้ว่าจะมีการศึกษาเรื่องผลกระทบสิ่งแวดล้อมและยืนยันว่าจะไม่เกิดปัญหา แต่ในอดีตเมื่อดำเนินการแล้วเสร็จในหลายโครงการ พบว่า ส่งผลกระทบต่อท้องที่เป็นอย่างมาก เช่น การสร้างท่าเทียบเรือพัทยาใต้ ที่ทำให้น้ำเกิดการกัดเซาะชายหาด หรือการทำแนวกันเขื่อนบริเวณโค้ง รร.ดุสิตธานี ซึ่งปัจจุบันน้ำก็กัดเซาะชายหาดจากพื้นที่อื่นๆ และขนทรายไปรวมหน้าโรงแรม ทำให้มีชายหาดเพิ่มเป็นจำนวนมาก และโครงการสำคัญอย่างโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญโอเชี่ยนมารีน่า ก็ส่งผลกระทบให้น้ำกัดเซาะบริเวณชายหาดนาจอมเทียน จนปัจจุบันไม่เหลือสภาพชายหาดแล้ว ดังนั้น เมื่อจะมีการก่อ สร้างโครงการใหม่ขึ้นอีก และมีแนวกันเขื่อนรวมอยู่ด้วย อนาคตย่อมเกิดผลกระทบต่อเมืองพัทยาอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม สำหรับโครงการดังกล่าวจำเป็นจะต้องมีการรับฟังความคิดเห็นอีกครั้งจากประชาชนและสภาเมืองพัทยา ก่อนจะนำรายงานด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อม เสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคาดว่าจะมีการดำเนินการขึ้นในเร็ววันนี้
ที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา นายกัมปนาท ชีวะปรีชา กรรมการผู้จัดการ บ.โกล เด้นแพลน จำกัด พร้อมตัวแทนจากบริษัท ซี สเปคตรัม และ บจก.เอส.ที.เอส. ซึ่งได้รับการว่าจ้างจากกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี ให้ศึกษาความเหมาะสมทางเศรษฐกิจ วิศวกรรม สิ่ง แวดล้อม และสำรวจออกแบบรายละเอียด เพื่อก่อสร้างท่าเทียบเรือกีฬาบริเวณชายฝั่งทะเลอ่าวไทยและอันดามัน เดินทางเข้าร่วมชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการดังกล่าว พร้อมรับฟังความคิดเห็นจากคณะผู้บริหาร ผู้นำท้องถิ่น และผู้ประกอบการในพื้นที่เมืองพัทยา หลังจากที่กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี มีแนวความคิดในการจัดสร้างท่าเทียบเรือดังกล่าวใน 4 พื้นที่หลัก ได้แก่เมืองพัทยา เกาะสมุย ภูเก็ต และพังงา
นายกัมปนาท กล่าวว่า ปัจจุบันกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี มีแนวคิดในการจัดสร้างท่าเทียบเรือสำราญในพื้นที่ท่องเที่ยวขึ้น เพื่อใช้ในการส่งเสริมภาพลักษณ์ด้านการท่อง เที่ยว การให้บริการที่ครอบคลุมแก่นักท่องเที่ยว และการสนับสนุนกิจกรรมการกีฬาทางน้ำ ซึ่งได้กำหนดจัดสร้างในพื้นที่อ่าวไทย และอันดามันจำนวน 4 แห่ง
จากการวิเคราะห์การศึกษาพบว่า เมืองพัทยาเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีความเหมาะสม เนื่องจากมีกิจกรรมท่องเที่ยวทางเรือมากและปริมาณนักท่องเที่ยวต่อปีสูง จึงได้มอบหมายให้บริษัทที่ปรึกษาทำการสำรวจ ศึกษาและวิเคราะห์ความเป็นไปได้ในการจัดทำโครงการ
เบื้องต้นมีแผนงานในการก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญ บริเวณแหลมบาลีฮาย หน้าที่ทำการศูนย์กู้ภัย ซึ่งสามารถจอดเรือได้จำนวน 198 ลำ ในงบประมาณ 684 ล้านบาท พร้อมกับการก่อสร้างเขื่อนกันคลื่นหินจำนวน 2 จุด บริเวณหน้าอ่าวความยาวรวมประมาณ 600 เมตร และเขื่อนกันคลื่นแบบลอยน้ำยาวประมาณ 350 เมตร ขณะที่ปัญหาที่วิตกคือผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการกัดเซาะตามแนวชายหาดนั้น พบว่าไม่มีผลกระทบแต่อย่างใด ดังนั้นจึงได้เข้าร่วมประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของท้องถิ่น เพื่อนำไปประกอบการผลการศึกษาต่อไป
ขณะที่ นายสนิท บุญมาฉาย สมาชิกสภาเมืองพัทยา กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นคนประกอบอาชีพด้านเรือท่องเที่ยว จึงไม่ทราบว่าโครงการนี้ทำเพื่อใครใช่เมืองพัทยาหรือไม่ เนื่องจากปัจจุบันปริมาณเรือที่มีอยู่ก็จำนวนมากจนยากจะควบคุมอยู่แล้ว และหากมีการก่อสร้างท่าเรืออีกก็จะทำให้มีปริมาณเรือเพิ่มขึ้น ที่สำคัญปัจจุบันเมืองพัทยาผ่านงบประมาณในการจัดสร้างที่จอดรถและเรือบริเวณแหลมบาลีฮายแล้วจะถือว่าซ้ำซ้อนหรือไม่
นายสนิท กล่าวต่อไปว่า สำหรับโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือ แม้ว่าจะมีการศึกษาเรื่องผลกระทบสิ่งแวดล้อมและยืนยันว่าจะไม่เกิดปัญหา แต่ในอดีตเมื่อดำเนินการแล้วเสร็จในหลายโครงการ พบว่า ส่งผลกระทบต่อท้องที่เป็นอย่างมาก เช่น การสร้างท่าเทียบเรือพัทยาใต้ ที่ทำให้น้ำเกิดการกัดเซาะชายหาด หรือการทำแนวกันเขื่อนบริเวณโค้ง รร.ดุสิตธานี ซึ่งปัจจุบันน้ำก็กัดเซาะชายหาดจากพื้นที่อื่นๆ และขนทรายไปรวมหน้าโรงแรม ทำให้มีชายหาดเพิ่มเป็นจำนวนมาก และโครงการสำคัญอย่างโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญโอเชี่ยนมารีน่า ก็ส่งผลกระทบให้น้ำกัดเซาะบริเวณชายหาดนาจอมเทียน จนปัจจุบันไม่เหลือสภาพชายหาดแล้ว ดังนั้น เมื่อจะมีการก่อ สร้างโครงการใหม่ขึ้นอีก และมีแนวกันเขื่อนรวมอยู่ด้วย อนาคตย่อมเกิดผลกระทบต่อเมืองพัทยาอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม สำหรับโครงการดังกล่าวจำเป็นจะต้องมีการรับฟังความคิดเห็นอีกครั้งจากประชาชนและสภาเมืองพัทยา ก่อนจะนำรายงานด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อม เสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคาดว่าจะมีการดำเนินการขึ้นในเร็ววันนี้