ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – พันธมิตรฯเชียงใหม่พร้อมเครือข่ายองค์กรประชาชนภาคเหนือเตรียมจัดเวทีวิชาการครั้งที่ 3 ระดมความคิดเห็นและข้อเสนอ “การเมืองใหม่” ที่หอศิลป์ มช.5 ต.ค.นี้ ย้ำเป็นกิจกรรมเชิงวิชาการตามแนวทางสงบและสันติวิธี วอนเจ้าหน้าที่ช่วยดูแลป้องกันการก่อเหตุรุนแรงวุ่นวาย ขณะเดียวกัน ชี้ กรณีตำรวจหิ้วสาวมือตบไล่ “เขยแม้ว” ขึ้นโรงพักลงบันทึกประจำวันเป็นการทำเกินกว่าเหตุ เตรียมประสานฝ่ายกฎหมายพันธมิตรฯ ช่วยดูแล ด้านรองประธานหอการค้าเชียงใหม่ แสดงความรับผิดชอบยื่นใบลาออกจาก กต.ตร.สภ.ภูพิงค์ แล้ว ระบุทนอับอายกับการกระทำของตำรวจไม่ไหว
วันนี้ (3 ต.ค.) พันธมิตรเชียงใหม่และเครือข่ายองค์กรประชาชนภาคเหนือ ได้ออกแถลงการณ์เรื่อง “การจัดเวทีวิชาการข้อเสนอต่อสังคมการเมืองใหม่ในยุคปัจจุบัน” โดยมีเนื้อหาระบุว่า นับจากที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้มีการชุมนุมเคลื่อนไหวตรวจสอบรัฐบาลที่ฉ้อฉลทำผิดกฎหมาย และทำลายหลักการประชาธิปไตย เพื่อเสนอให้ประชาสังคมทุกภาคส่วนร่วมกันใช้สิทธิเสรีภาพในการระดมความคิดเห็นต่อการสร้างการเมืองใหม่ เพื่อทำให้การเมืองมีความโปร่งใส สร้างอำนาจถ่วงดุลในระบบรัฐสภา ดังปรากฏต่อสังคมนั้น พันธมิตรเชียงใหม่ขอแถลงท่าทีและกิจกรรมดังนี้
1.เราเห็นว่า ข้อเสนอให้มีการแต่งตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร.3 ของอธิการบดี 24 สถาบัน นั้น เป็นผลจากการเคลื่อนไหวเรียกร้องเพื่อสร้างการเมืองใหม่ของพันธมิตรฯ ซึ่งถูกต้องแล้วที่พันธมิตรฯ ได้ประกาศว่าจะไม่ร่วมกระบวนการ ส.ส.ร.3 แต่ก็ไม่ปฏิเสธแนวทางของกลุ่มนักวิชาการดังกล่าว เพราะถือว่าเป็นหนึ่งในความปรารถนาดีต่อการแก้ไขปัญหาสังคมที่วิกฤตอยู่ แต่กระบวนการดังกล่าวเป็นเพียงการถ่วงเวลาให้รัฐบาลบริหารประเทศต่อไปเท่านั้น
2.เราเห็นว่าการจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดย ส.ส.ร.3 ในสถานการณ์ขณะนี้นั้นไม่ได้ตอบสนองต่อกระบวนการสร้างจิตสำนึกทางการเมืองของประชาชน ในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลที่ฉ้อฉลทำผิดจริยธรรมนักการเมืองหรือสร้างจิตสำนึกให้นักการเมืองมีความรักชาติทำงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติบ้านเมืองได้ และการแก้ไขรัฐธรรมนูญในหลายครั้งที่ผ่านมา แม้จะมีบทบัญญัติเกี่ยวกับสิทธิของประชาชนหลายมาตราก็ตาม แต่การตรวจสอบนักการเมืองหรือรัฐที่ฉ้อฉลก็ไม่ประสบความสำเร็จ ดังนั้นแม้จะมีการตั้ง ส.ส.ร.3 ขึ้น0มาก็ไม่สามารถป้องกันนักการเมืองประพฤติชั่วทำผิดกฎหมายได้
3.เราเห็นว่าข้อเสนอที่ว่า “การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง” ก็ต้องให้ประชาขนทุกคนลุกขึ้นมาจัดการเอง ด้วยการต่อต้านหรือปฏิเสธรัฐบาลที่ฉ้อฉลไม่เป็นประชาธิปไตย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 69 เพราะเป็นไปไม่ได้ที่นักการเมืองจะลุกขึ้นมาเปลี่ยนนักการเมืองด้วยกันเองเพื่อชาติบ้านเมืองได้ แม้นักการเมืองพรรคร่วมรัฐบาลจะขัดแย้งกันเพียงใดก็ยอมกันเพื่อผลประโยชน์ของพวกตนไว้ก่อน พรรคฝ่ายค้านก็ไม่ได้มีมาตรการใดๆ ว่า จะทำอะไรเพื่อประชาชนมากกว่าขอเป็นรัฐบาลบ้าง
4.ดังนั้น เพื่อให้การสร้างการเมืองใหม่สามารถสร้างการมีส่วนร่วมในระดมความเห็นของประชาชนทุกภาคส่วนพันธมิตรเชียงใหม่ ทจึงได้ร่วมกับสถาบันการจัดการทางสังคมภาคเหนือ และเครือข่ายองค์กรประชาชนภาคเหนือ จัดเวทีวิชาการครั้งที่ 3 เรื่อง “ข้อเสนอต่อสังคมการเมืองในสถานการณ์ปัจจุบัน” ขึ้นในวันที่ 5 ต.ค.2551 ที่โรงละครหอศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อนำเสนอทางออกในการแก้ไขปัญหาและจัดการทางสังคมร่วมกัน
ทั้งนี้ ยืนยันว่า การใช้สิทธิเสรีภาพตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขในการจัดเวทีวิชาการครั้งนี้ ทุกส่วนแม้จะมีความคิดเห็นที่แตกต่างแต่ก็ต้องยอมรับเหตุผลซึ่งกันและกัน ขณะที่หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่รักษาความปลอดภัยในการใช้สิทธิของประชาชนก็จะต้องดูแลให้ประชาชนใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างประชาธิปไตยที่รักษาผลประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่อย่างแท้จริง
นายสุริยันต์ ทองหนูเอียด ผู้ประสานงานพันธมิตรเชียงใหม่ กล่าวว่า เวทีของพันธมิตรฯเชียงใหม่ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 5 ต.ค.2551 นี้ เป็นกิจกรรมภายในกลุ่ม เป็นเวทีวิชาการ ตามแนวทางสันติวิธีและสงบ ทั้งนี้ ในส่วนของการรักษาความปลอดภัยนั้น เบื้องต้นได้มีการประสานกับทางสหภาพรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแม่เมาะ จังหวัดลำปาง และจัดตั้งชุดรักษาความปลอดภัยไว้แล้ว พร้อมทั้งจะประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารเข้ามาดูแลด้วยโดยการจัดกิจกรรมครั้งนี้จะให้ความสำคัญกับความปลอดภัยกับผู้เข้าร่วมกิจกรรมมากที่สุด หากไม่ปลอดภัยก็พร้อมที่จะยกเลิก
ส่วนความเป็นไปได้ที่อาจจะมีการก่อเหตุวุ่นวายจากฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับพันธมิตรฯ นั้น ผู้ประสานงานพันธมิตรเชียงใหม่ กล่าวว่า หากเชียงใหม่ไม่สามารถเปิดกว้างให้มีการจัดเวทีแสดงความคิดเห็นทางการเมืองได้ ก็ย่อมหมายความว่า เชียงใหม่เป็นเมืองที่ไม่สามารถแสดงความเป็นประชาธิปไตยได้ ทั้งนี้ ไม่เห็นด้วยหากจะมีผู้เข้ามาก่อเหตุวุ่นวาย รวมทั้งพยายามขัดขวางหรือล้มเลิกการจัดเวทีในครั้งนี้ โดยทางพันธมิตรเชียงใหม่มีความยินดีและพร้อมเปิดกว้างให้ผู้ที่มีความคิดเห็นแตกต่างขึ้นเวทีแสดงความคิดเห็นในกิจกรรมครั้งนี้เพื่อร่วมกันสร้างการเมืองใหม่ แทนที่จะทำให้เกิดเหตุวุ่นวายรุนแรง
ขณะที่ นายบัณรส บัวคลี่ ผู้ประสานงานพันธมิตรเชียงใหม่ กล่าวถึงกรณีที่ตำรวจ สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ จังหวัดเชียงใหม่นำตัว นางเบญ (สงวนชื่อจริง-นามสกุล) ที่ใช้มือตบบนดอยสุเทพขณะ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ปฏิบัติภารกิจอยู่ ไปลงบันทึกประจำวันว่าจะไม่ก่อเหตุซ้ำอีกว่า ตั้งข้อสังเกตว่า การดำเนินการดังกล่าวของตำรวจเป็นการทำเกินกว่าเหตุ ซึ่งอยากเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพิจารณาทบทวนการกระทำดังกล่าว ทั้งนี้ เห็นว่า การกระทำดังกล่าวน่าจะเข้าข่ายการละเมิด ซึ่งจะมีการส่งข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ ให้ฝ่ายกฎหมายของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยตรวสอบและยื่นมือเข้ามาให้ความดูแลต่อไป
ด้าน นายมนตรี วงศ์เกษม รองประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า วันนี้ (3 ต.ค.) ตนเอง ซึ่งมีตำแหน่งเป็นกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ(กต.ตร.) สภ.ภูพิงค์ มาหลายสมัย ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งดังกล่าวแล้ว เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อกรณีที่ตำรวจ สภ.ภูพิงค์ กระทำกับ นางเบญ เนื่องจากรู้สึกอับอายกับการกระทำของตำรวจ