ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - มึน! เจ้าหน้าที่ไทยรู้ระดับน้ำโขงจากคนเดินเรือไร้การประสานตรง ขณะที่แกนนำกลุ่มรักษ์เชียงของ ย้ำ เขื่อนจีนทำวิถีธรรมชาติเปลี่ยนกระทบคนลุ่มน้ำทั้งสาย ยันแนวทางจัดการน้ำโขงต้องให้ชุมชนริมฝั่งตลอดแนวมีส่วนร่วม
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า จากกรณีที่มีการก่อสร้างเขื่อนในแม่น้ำโขงหลายแห่งในมณฑลตอนใต้ของจีน จนส่งผลกระทบต่อระดับน้ำที่ไหลผ่านเชียงราย ด้าน อ.เชียงแสน เชียงของ และ เวียงแก่น โดยขึ้นลงไม่สม่ำเสมอและบางครั้งเข้าท่วมบ้านเรือนเป็นบริเวณกว้างนั้น ทำให้หลายฝ่ายเกิดข้อสงสัยว่าการก่อสร้างเขื่อนดังกล่าวย่อมต้องมีการเปิดและปิดน้ำตามระบบของเขื่อนทั่วไป และทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยได้รับการประสานดังกล่าวจากทางการจีนมากน้อยเพียงใด เนื่องจากจากมณฑลยูนนานมายัง อ.เชียงแสน มีระยะทางเพียงประมาณ 300 กิโลเมตรเท่านั้น
นายอภิสิทธิ์ คำภิโล หัวหน้าสำนักงานขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี จ.เชียงราย ชี้แจงว่า ตามปกติการประสานเรื่องการเปิดปิดน้ำจากเขื่อนในประเทศจีนนั้น ไม่ได้กระทำโดยตรงระหว่างเจ้าหน้าที่ของทั้งสองฝ่ายเพราะยังไม่มีระบบรองรับ แต่จะใช้วิธีการติดต่อกับคนเดินเรือชาวจีนเพราะเรือเกือบทุกลำเป็นของพ่อค้าชาวจีน จึงเดินทางจากทางจีนตอนใต้และรับรู้ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่จีนกรณีการเปิด-ปิดน้ำในเขื่อนดังกล่าว
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ได้เคยสอบถามหลังจากเกิดเหตุน้ำท่วมเมื่อหลายเดือนก่อน ก็ทราบว่า จีนมีการเปิด-ปิดน้ำตามปกติไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆ เพราะไม่ได้ปล่อยน้ำลงมาในปริมาณที่มากเกินไป แต่หากว่ามีความจำเป็นจริงๆ ทางหน่วยงานในพื้นที่ก็จะใช้การประสานไปยังกรมที่ส่วนกลางเพื่อพิจารณาติดต่อไปยังกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อติดต่อไปยังประเทศจีนอีกทอดหนึ่ง ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่น่าจะมีปัญหามากเพราะตามปกติทางการจีนก็มีความจำเป็นต้องเปิดและปิดน้ำให้เรือสินค้าขนสินค้าขึ้นลงอยู่แล้ว
ด้าน นายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว ประธานชมรมรักษ์เชียงของ กล่าวว่า ที่ผ่านมาแม่น้ำโขงมีโครงการต่างๆ ลงไปมากมาย ทั้งสร้างเขื่อนหลายแห่ง ทำลายเกาะ และโขดหินกลางแม่น้ำโขงกว่า 20 แห่ง ซึ่งล้วนทำลายธรรมชาติผลก็คือธรรมชาติกลับมาทำร้ายเราเอง ทั้งระดับน้ำที่ไหลเร็ว-แรงเกินไป ทำให้ตลิ่งพังทลาย อาชีพของชาวบ้านที่เคยหาปลาก็เปลี่ยนไป เพราะน้ำขึ้นลงไม่เป็นไปตามธรรมชาติ บางครั้งชาวบ้านวางเบ็ดหาปลาเอาไว้ พอรุ่งเช้าไปดูเบ็ดก็ปรากฎว่าตะขอเบ็ดลอยอยู่เหนือน้ำ กลายเป็นเบ็ดตกนกไปเสีย แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ทำให้หลายฝ่ายห่วงว่าจะทำอย่างไรจึงจะทำให้ผู้คนที่อยู่ลุ่มแม่น้ำโขงหลายล้านคนได้มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการแม่น้ำโขงบ้าง
ทั้งนี้ ประเทศจีนมีโครงการสร้างเขื่อนในแม่น้ำโขงให้ได้ 8 แห่ง ปัจจุบันสร้างเสร็จไปแล้ว 3 เขื่อน โดยเขื่อนที่เปิดดำเนินการล่าสุด คือ เขื่อนจิ่งหง ที่เมืองจิ่งหงหรือเชียงรุ่ง เขตปกครองตนเองสิบสองปันนา มณฑลหยุนหนัน โดยเปิดใช้งานตั้งแต่กลางปี 2551 ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันยังมีการก่อสร้างอยู่อีกจำนวน 3 แห่ง
ขณะเดียวกัน เมืองจิ่งหง นั้น ถือเป็นเมืองที่กำลังมีการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องตามยุทธศาสตร์มุ่งเปิดเส้นทางลงใต้ผ่านประเทศไทยของจีน จึงมีการพัฒนาท่าเรือขนาดใหญ่หลายแห่ง รวมทั้งสร้างนิคมอุตสาหกรรมภายในเมืองจิ่งหง และที่เมืองโมฮาน ชายแดนติดต่อ ส.ป.ป.ลาว ด้านแขวงหลวงน้ำทา เชื่อมต่อเข้ากับถนนอาร์สามเอ ที่จะมาถึง อ.เชียงของ จ.เชียงราย ด้วย
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า จากกรณีที่มีการก่อสร้างเขื่อนในแม่น้ำโขงหลายแห่งในมณฑลตอนใต้ของจีน จนส่งผลกระทบต่อระดับน้ำที่ไหลผ่านเชียงราย ด้าน อ.เชียงแสน เชียงของ และ เวียงแก่น โดยขึ้นลงไม่สม่ำเสมอและบางครั้งเข้าท่วมบ้านเรือนเป็นบริเวณกว้างนั้น ทำให้หลายฝ่ายเกิดข้อสงสัยว่าการก่อสร้างเขื่อนดังกล่าวย่อมต้องมีการเปิดและปิดน้ำตามระบบของเขื่อนทั่วไป และทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยได้รับการประสานดังกล่าวจากทางการจีนมากน้อยเพียงใด เนื่องจากจากมณฑลยูนนานมายัง อ.เชียงแสน มีระยะทางเพียงประมาณ 300 กิโลเมตรเท่านั้น
นายอภิสิทธิ์ คำภิโล หัวหน้าสำนักงานขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี จ.เชียงราย ชี้แจงว่า ตามปกติการประสานเรื่องการเปิดปิดน้ำจากเขื่อนในประเทศจีนนั้น ไม่ได้กระทำโดยตรงระหว่างเจ้าหน้าที่ของทั้งสองฝ่ายเพราะยังไม่มีระบบรองรับ แต่จะใช้วิธีการติดต่อกับคนเดินเรือชาวจีนเพราะเรือเกือบทุกลำเป็นของพ่อค้าชาวจีน จึงเดินทางจากทางจีนตอนใต้และรับรู้ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่จีนกรณีการเปิด-ปิดน้ำในเขื่อนดังกล่าว
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ได้เคยสอบถามหลังจากเกิดเหตุน้ำท่วมเมื่อหลายเดือนก่อน ก็ทราบว่า จีนมีการเปิด-ปิดน้ำตามปกติไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆ เพราะไม่ได้ปล่อยน้ำลงมาในปริมาณที่มากเกินไป แต่หากว่ามีความจำเป็นจริงๆ ทางหน่วยงานในพื้นที่ก็จะใช้การประสานไปยังกรมที่ส่วนกลางเพื่อพิจารณาติดต่อไปยังกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อติดต่อไปยังประเทศจีนอีกทอดหนึ่ง ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่น่าจะมีปัญหามากเพราะตามปกติทางการจีนก็มีความจำเป็นต้องเปิดและปิดน้ำให้เรือสินค้าขนสินค้าขึ้นลงอยู่แล้ว
ด้าน นายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว ประธานชมรมรักษ์เชียงของ กล่าวว่า ที่ผ่านมาแม่น้ำโขงมีโครงการต่างๆ ลงไปมากมาย ทั้งสร้างเขื่อนหลายแห่ง ทำลายเกาะ และโขดหินกลางแม่น้ำโขงกว่า 20 แห่ง ซึ่งล้วนทำลายธรรมชาติผลก็คือธรรมชาติกลับมาทำร้ายเราเอง ทั้งระดับน้ำที่ไหลเร็ว-แรงเกินไป ทำให้ตลิ่งพังทลาย อาชีพของชาวบ้านที่เคยหาปลาก็เปลี่ยนไป เพราะน้ำขึ้นลงไม่เป็นไปตามธรรมชาติ บางครั้งชาวบ้านวางเบ็ดหาปลาเอาไว้ พอรุ่งเช้าไปดูเบ็ดก็ปรากฎว่าตะขอเบ็ดลอยอยู่เหนือน้ำ กลายเป็นเบ็ดตกนกไปเสีย แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ทำให้หลายฝ่ายห่วงว่าจะทำอย่างไรจึงจะทำให้ผู้คนที่อยู่ลุ่มแม่น้ำโขงหลายล้านคนได้มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการแม่น้ำโขงบ้าง
ทั้งนี้ ประเทศจีนมีโครงการสร้างเขื่อนในแม่น้ำโขงให้ได้ 8 แห่ง ปัจจุบันสร้างเสร็จไปแล้ว 3 เขื่อน โดยเขื่อนที่เปิดดำเนินการล่าสุด คือ เขื่อนจิ่งหง ที่เมืองจิ่งหงหรือเชียงรุ่ง เขตปกครองตนเองสิบสองปันนา มณฑลหยุนหนัน โดยเปิดใช้งานตั้งแต่กลางปี 2551 ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันยังมีการก่อสร้างอยู่อีกจำนวน 3 แห่ง
ขณะเดียวกัน เมืองจิ่งหง นั้น ถือเป็นเมืองที่กำลังมีการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องตามยุทธศาสตร์มุ่งเปิดเส้นทางลงใต้ผ่านประเทศไทยของจีน จึงมีการพัฒนาท่าเรือขนาดใหญ่หลายแห่ง รวมทั้งสร้างนิคมอุตสาหกรรมภายในเมืองจิ่งหง และที่เมืองโมฮาน ชายแดนติดต่อ ส.ป.ป.ลาว ด้านแขวงหลวงน้ำทา เชื่อมต่อเข้ากับถนนอาร์สามเอ ที่จะมาถึง อ.เชียงของ จ.เชียงราย ด้วย
