ชาวนาสุรินทร์สุดเศร้า! หลังน้ำลด-ข้าวหอมฯ เน่าตายเสียหายยับกว่า 1.8 แสนไร่

สุรินทร์- เกษตรจังหวัดสุรินทร์ สำรวจพื้นที่ปลูกข้าวหอมมะลิคุณภาพของโลก พบน้ำท่วมกว่า 2.2 แสนไร่ คาดเสียหายยับกว่า 1.8 แสนไร่ ขณะที่ต้นยางพารา ต้นยูคาลิปตัส มันสำปะลัง เสียหายกว่า 2 หมื่นไร่ ประเมินค่าความเสียหายเบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 50 ล้าน เผย หลังน้ำลดชาวนาเมืองช้างเศร้าเดือดร้อนหนัก ต้นข้าวเน่าเปื่อยตายเป็นจำนวนมาก หลายคนสิ้นหวังเพราะหมดเนื้อหมดตัว แถมยังต้องแบกหนี้ ธ.ก.ส.ที่กู้ยืมมาลงทุน ไม่รู้จะหาเงินที่ไหนไปใช้คืน

วันนี้ (2 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากฝนตกหนักและเกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ของ จ.สุรินทร์ ในช่วงปลายเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา และทางจังหวัดได้ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน อุทกภัย ทั้งหมด 16 อำเภอ จากทั้งหมด 17 อำเภอของจ.สุรินทร์ ซึ่งมีเพียงอำเภอเดียวที่ไม่ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน อุทกภัย คือ อ.เขวาสินรินทร์ นั้น

ล่าสุด นายสิทธิพร เภาอ่อน เกษตรจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า จากการสำรวจพื้นที่การเกษตรที่ได้รับความเสียหายจากปัญหาน้ำท่วม ดังกล่าวล่าสุด พบว่า มีพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย ทั้งหมด 13 อำเภอ แบ่งพื้นที่ปลูกข้าว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนาข้าวหอมมะลิ ถูกน้ำท่วมมากถึง 227,0015 ไร่ คาดว่า จะเสียหายไม่ต่ำกว่า 180,014 ไร่, ต้นยูคาลิปตัส น้ำท่วมเสียหาย ใน 1 อำเภอ คือ อ.ชุมพลบุรี จำนวน 5,170 ไร่

มันสำปะลัง ถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหาย ใน 2 อำเภอ คือ อ.เมือง และ อ.กาบเชิง จำนวน 15,757 ไร่, ยางพารา ถูกน้ำท่วมในเขต อ.เมือง และ อ.โนนนารายณ์ เสียหาย 140 ไร่ และ พืชผัก ถูกน้ำท่วมเสียหายถึง 252 ไร่

ประเมินมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นรวมไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท โดยเฉพาะนาข้าวหอมมะลิ ซึ่งจังหวัดสุรินทร์เป็นแหล่งปลูกข้าวหอมมะลิคุณภาพดีส่งขายตลาดในประเทศ และต่างประเทศ ถูกน้ำท่วมจำนวนมาก และคาดว่า จะเสียหายถึง 1.8 แสนไร่ ถือว่าได้รับผลกระทบสูงมาก แต่ตัวเลขดังกล่าวยังเป็นข้อมูลการสำรวจเบื้องต้นเท่านั้น ดังนั้น เชื่อว่า ความเสียจะมีมากกว่านี้ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังทำการสำรวจอยู่อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้ข้อที่ถูกต้องชัดเจน เพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณจากรัฐบาล ในการจ่ายชดเชยช่วยเหลือเกษตรกรอย่างเร่งด่วนต่อไป

“พร้อมกันนี้ ทางสำนักงานเกษตรจังหวัดสุรินทร์ ได้เตรียมแผนที่จะเข้าไปพื้นฟู พื้นที่การเกษตรที่ถูกน้ำท่วม ช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนด้วยการปลูกพืชทดแทนไว้แล้ว” นายสิทธิพร กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นาข้าวหอมมะลิของเกษตร จ.สุรินทร์ในหลายอำเภอ ซึ่งถูกน้ำท่วมขังมานานถึง 2 สัปดาห์ และขณะนี้น้ำได้ลดระดับลงเกือบทั้งหมดแล้วปรากฏว่าต้นข้าวที่กำลังตั้งท้องพร้อมที่จะออกรวง ตกอยู่ในสภาพเปื่อยเน่าตายเป็นจำนวนมาก และส่งกลิ่นเหม็นเต็มไปหมด ทำให้เกษตรกรหลายคนถึงกับสิ้นหวัง เพราะต้องมาหมดเนื้อหมดตัวกับน้ำท่วมในครั้งนี้ อีกทั้งยังต้องแบกภาระหนี้สิน ที่กู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มาลงทุนทำนา ซึ่งลำพังเงินค่าชดเชยจากรัฐบาลนั้นไม่คุ้มค่ากับความเสียหาย

โดยเฉพาะ ชาวนาที่ บ.หว่าน ต.ตระแสง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่อยู่ใกล้ลำน้ำชี ถูกน้ำท่วมนาข้าวเป็นเวลานานถึง 2 สัปดาห์ และส่วนใหญ่เป็นนาข้าวหอมมะลิ พบว่า หลังน้ำลดต้นข้าวในนาเน่าเปื่อยสิ่งกลิ่นเหม็นเสียหายเป็นบริเวณกว้าง เฉพาะหมู่บ้านหว่าน หมู่บ้านเดียวคาดนาข้าวหอมมะลิได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมครั้งนี้มากกว่า 1,000 ไร่

นางเตี่ยว เจนทั่ว อายุ 42 ปี ชาวนา บ.หว่าน ต.ตระแสง อ.เมือง จ.สุรินทร์ กล่าวว่า ตนมีนา 22 ไร่ ถูกน้ำท่วมทั้งหมดและจมอยู่ใต้น้ำนานกว่า 2 สัปดาห์ พอน้ำลดลง ต้นข้าวเน่าเหม็น เปื่อยตายเสียหายหมด เงินทั้งหมดที่ลงทุนทำนาไปซึ่งกู้ยืมมาจาก ธ.ก.ส.ก็ไม่รู้จะหาเงินจากไหนไปใช้หนี้คืน และตอนนี้รู้สึกสิ้นหวังมาก ไม่รู้จะไปพึ่งพาใครได้

ส่วน นายเทือง นิเรียงรัมย์ อายุ 57 ปี ชาวนาบ้านหว่าน อีกคนบอกว่า ทำนาไว้ 25 ไร่ เป็นข้าวหอมมะลิทั้งหมด ถูกน้ำท่วมต้นข้าวเน่าเสียหาย เหลือเพียง 4 ไร่เท่านั้น เพราะปีนี้น้ำมาแรงมากและท่วมขังอยู่เป็นเวลานานทำต้นข้าวเสียหายเกือบทั้งหมด

ขณะที่ นายมิตร บุตรโสภา ชาวบ้านหว่าน อีกคนเล่าว่า มีที่นา 5 ไร่ ปีนี้ปลูกข้าวหอมมะลิทั้งหมดเพื่อหวังเก็บผลผลิตไว้กินในครอบครัว แต่ถูกน้ำท่วมเสียหายทั้งหมดเช่นกัน ทำให้ปีนี้คงไม่มีข้าวเก็บไว้กิน เหลือความหวังเพียงว่าทางหน่วยงานราชการจะช่วยเหลืออะไรได้บ้างเท่านั้น