ฉะเชิงเทรา - ชาวบ้านแปดริ้วตื่น เร่งวางแนวกระสอบทรายกั้นน้ำริมลำคลอง พร้อมตั้งวางเครื่องสูบน้ำรอรับ หลังมีกระแสข่าวว่ากรมชลประทาน จะเร่งระบายน้ำออกมาจากทางภาคเหนือ ผ่านเข้าพื้นที่ หวั่นส่งผลกระทบต่อนาข้าว และสวนผัก หากปริมาณน้ำมีมากจนล้นเอ่อไหลทะลักออกจากลำคลอง ทำพืชผลผลิตเสียหายซ้ำรอยเมื่อ 2 ปี ก่อน
วันนี้ (28 ก.ย.) เวลา 13.00 น.ชาวบ้านในแนวเขตริมคลองชลประทาน พระองค์ไชยานุชิต เขตพื้นที่ ต.คลองหลวงแพ่ง ต.คลองอุดมชลจร และ ต.คลองเปรง อ.เมืองฉะเชิงเทรา ต่างพากันตื่นตระหนก หลังจากทราบข่าวว่า ทางกรมชลประทานจะเร่งระบายน้ำเหนือ ออกสู่ทะเลผ่านพื้นที่ จากเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ออกมายังคลองระพีพัฒน์ และคลองรังสิต เข้าสู่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพระองค์ไชยานุชิต ในจังหวัดฉะเชิงเทรา ก่อนถูกส่งผ่านไปยังสถานีสูบน้ำคลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นเส้นทางระบายน้ำสายสำคัญที่ช่วยแบ่งเบาภาระ การระบายน้ำออกจากแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อป้องกันระดับน้ำสูงเอ่อล้นไหลเข้าท่วมพื้นที่กรุงเทพมหานคร
นายขุมทอง ศรีมณฑา อายุ 50 ปีอยู่บ้านเลขที่ 45/2 ม.13 ต.คลองหลวงแพ่ง อ.เมืองฉะเชิงเทรา กล่าวว่า ครอบครัวของตนทำนาอยู่บริเวณแนวริมคลองชลประทาน จำนวนกว่า 40 ไร่ ขณะนี้ต้นข้าวกำลังงอกงามหลังจากไถหว่านมาได้ประมาณ 1 เดือนเศษ จึงหวั่นเกรงว่า น้ำเหนือที่จะถูกระบายผ่านพื้นที่ จะไหลเอ่อล้นออกจากลำคลอง และไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่นาข้าวเสียหายอีก
หลังจากทราบข่าวว่า ทางกรมชลประทาน จะมีการระบายน้ำลงมาจากทางภาคเหนือ เข้ามาสู่ยังคลองชลประทานในพื้นที่ เนื่องจากเส้นทางระบายน้ำสายนี้ เป็นเส้นทางระบายน้ำสายหลัก ที่ใช้ในการผันน้ำเลี่ยงออกจากกรุงเทพฯ ซึ่งหากมีน้ำเหนือลงมามาก ก็จะไหลเข้าท่วมบ้านเรือนชาวบ้านที่อยู่ริมลำคลอง และไหลเอ่อล้นออกไปจนท่วมนาข้าว สวนข่า ตระไคร้ ของชาวบ้านเสียหาย ซึ่งในทุกครั้งที่มีการระบายน้ำออกมา จะเกิดปัญหาน้ำท่วมพื้นที่อยู่เป็นประจำทุกปี
ในปีนี้ ตนพร้อมด้วยชาวบ้านที่ทราบข่าว ต่างพากันวางแนวกระสอบทรายกั้นน้ำ ตามแนวริมลำคลองไว้แล้ว พร้อมกับเตรียมตั้งเครื่องสูบน้ำ เพื่อสูบน้ำออกจากแปลงนาข้าว หากน้ำเหนือไหลมาถึง และเอ่อล้นเข้าไปท่วมในนาข้าวอีก ซึ่งปัจจุบันระดับน้ำในคลองหลวงแพ่งอยู่ในระดับต่ำกว่าขอบชายคลองเพียง 25-40 ซม.เท่านั้น ซึ่งหากมีน้ำเหนือไหลเข้ามาเพิ่มอีก อาจจะล้นออกจากแนวลำคลองอย่างแน่นอน