ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “โคทม อารียา” ขอบคุณพันธมิตรฯ ที่ยก“การเมืองใหม่” ขึ้นมาเพราะทำให้เห็นว่าปัญหาความขัดแย้งในปัจจุบันควรมองระยะยาวด้วย เผยเห็นด้วยกับการเลือกตั้ง 100% แต่ให้ยึดพื้นที่ไม่ควรยึดวิชาชีพ เหตุมีความซับซ้อนไม่สะดวกในทางปฏิบัติ ชี้ถึงเวลาต้องช่วยกันออกแบบระบบการเมืองใหม่ที่เหมาะสมกับสังคมไทยเพื่อก้าวพ้นวิกฤติในครั้งนี้ ชี้ “ครม.สมชาย 1” เอาแต่แบ่งเก้าอี้ รมต.ตามโควต้า ไม่เห็นหัวปชช.-ไม่คำนึงถึงความถนัดความสามารถของผู้มาบริหารประเทศ ฟันธงหนีไม่พ้นยุบพรรค
วันนี้( 26 ก.ย. ) นายโคทม อารียา ประธานที่ปรึกษาสภาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ,อดีตกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต.) และอดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เปิดเผยที่ จ.นครราชสีมา ถึงการเมืองใหม่ ว่า วันนี้ ต้องขอบคุณพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ยกประเด็นนี้ขึ้นมาทำให้เห็นว่าปัญหาความขัดแย้งปัจจุบันควรจะมองระยะยาวด้วยไม่ใช่เฉพาะหน้าว่าจะชอบหรือไม่ชอบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่ต้องไปไกลกว่านั้นว่าสังคมเรามีวิสัยทัศน์ทางการเมืองร่วมกันอย่างไรและจะก้าวพ้นวิกฤติตรงนี้จะต้องช่วยกันศึกษาสาเหตุของปัญหาและมาถกเถียงอภิปรายว่ามีทางเลือกที่จะแก้ไขปัญหาเพื่อนำมาออกแบบระบบการเมืองที่เหมาะสมกับสังคมไทย แต่ขณะเดียวกันจะต้องยืนหยัดในหลักการพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตยต่อไปด้วย
สำหรับการเมืองใหม่ นั้นตนเห็นด้วยกับการเลือกตั้ง 100% และเห็นด้วยกับการเลือกตั้งที่ยึดเขตพื้นที่เป็นหลักไม่ได้ยึดวิชาชีพ ซึ่งมีความซับซ้อนมากมายและไม่สะดวกในทางปฏิบัติและไม่เหมาะสมกับการเมืองไทย
นายโคทม กล่าวต่อว่า รัฐธรรมนูญปี 2540 ให้ใครอ่านในทางวิชาการบอกว่ายอดเยี่ยมมาก แต่จากบทเรียนทำให้เข้าใจว่า ณ เวลานี้เราควรจะต้องมาถกเถียงบริบทของสังคมไทยให้มากขึ้น แต่ไม่ทิ้งหลักการ 1 คน 1 เสียง เป็นหลักการสำคัญ การเลือกตั้งที่สุจริตคือหลักการสำคัญ การมีพรรคการเมืองที่เข้มแข็งดำเนินการเพื่อประชาชน ก็เป็นหลักการสำคัญ เหล่านี้ต้องมาดูบริบทของสังคมไทยว่า อะไรที่ปฏิบัติได้ และเป็นประโยชน์ก็นำมาเป็นโจทย์เบื้องต้นแล้วจึงจะไปออกแบบ แต่จะใช้เวลาเท่าไรก็สุดแท้แต่ ถ้าคิดเห็นตรงกันได้ และเราเข้าใจสังคมไทยเพียงพอแล้วก็เริ่มเดินหน้า แต่ถ้ายังเห็นต่างกัน ยังมีความคิดที่หลากหลาย เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียต่างๆ ก็คุยก็ศึกษากันไปก่อน
ส่วนการเมืองใหม่จะเกิดขึ้นอย่างไร นั้น นายโคทม กล่าวว่า คำว่าการเมืองใหม่เป็นแค่วาทะกรรมที่ยกขึ้นมาเป็นประเด็น แต่ตนหวังว่า จะมีการเรียนรู้บทเรียนปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ความลุ่มๆดอนๆ ทั้งหลายที่เกิดขึ้น ความไม่สมบูรณ์ของ รัฐธรรมนูญปี 2550 และเราจะต้องมาคุยกันว่า จะออกแบบระบบการเมืองต่อไปอย่างไรในอนาคตข้างหน้า ถ้าคุณเรียกว่าการเมืองใหม่ อีกคนเรียกว่าเป็นการพัฒนาการเมือง อีกคนเรียกว่าเป็นการปฏิรูปการเมือง และเรียกว่า การเมืองสร้างสรรค์ การเมืองเพื่อประชาชน ก็แล้วแต่จะเรียก ทั้งหมดนี้เป็นวาทะกรรม แต่หวังว่าจะเกิดผลในอนาคตแล้วคงจะทำให้เราออกจากวิกฤติครั้งนี้ ทำให้รู้สึกตัว มีวุฒิภาวะมากขึ้น
นายโคทม กล่าวถึง รัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ที่มีหลายฝ่ายมองว่าอยู่ไม่ยืดหรืออาจมีการยุบสภาฯ ในเร็ว ๆ นี้ ว่า ขอถามก่อนว่า ทำไมต้องยุบสภาฯ เท่าที่ดูยังไม่เห็นเหตุผลที่จะยุบสภาฯ คิดว่ามีแนวโน้มยุบพรรคการเมืองมากกว่า ซึ่งการยุบพรรคจะทำให้กรรมการบริหารพรรคการเมืองที่ถูกยุบถูกตัดสิทธิเลือกตั้งต้องออกจากแวดวงการเมืองเว้นวรรคไป 5 ปี ส่วนคนที่ยังเหลืออยู่ก็เดินหน้าทำหน้าที่ของแต่ละคนต่อไป ใครทำหน้าที่นิติบัญญัติก็ทำไป ใครจะทำหน้าที่บริหารก็ทำไป
“เพียงแต่เสียดายว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดนี้เอาแต่การแบ่งที่นั่งตามโควต้าพรรคการเมือง โควต้าภายในพรรคการเมืองมากเกินไป โดยไม่ได้คำนึงถึงความคิดเห็นของประชาชนและประโยชน์ที่จะเกิดจากการมีผู้บริหารที่มีความถนัด มีความสามารถต่องานในแต่ละกระทรวงนั้นๆ” นายโคทม กล่าว