ศูนย์ข่าวศรีราชา - ผกก.เมืองชลบุรี แจงสมุน “ทักษิณ” แจ้งความเอาผิด ASTV เมื่อวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยมอบอำนาจทุกอย่างให้ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ทนายความข้องใจโจทก์เป็นผู้ต้องหาหนีหมายจับ มอบอำนาจกันอย่างไร
พ.ต.อ.วันชัย เอกพรพิชญ์ ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธร จังหวัดชลบุรี เปิดเผยถึงกรณีที่ นายปรัชญา เกษมเสนาะ ได้มาแจ้งความดำเนินคดีไว้ทั้งสิ้น 9 คดี กับผู้บริหารและพนักงานของบริษัท เอเอสทีวี (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ไทยเดย์ด็อทคอม จำกัด และศิลปินกู้ชาติ ในความผิดร่วมกันหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา หรือกระทำโดยการกระจายเสียง หรือกระจายภาพ หรือกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่นใด โดยน่าจะทำให้ได้รับความเสียหาย เพื่อรับโทษตามกฎหมายจนกว่าคดีจะถึงที่สุด เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2551 โดยแจ้งว่าได้มอบหมายจาก พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ซึ่งได้รับมอบอำนาจ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร ให้ดำเนินคดีกับบริษัทและกลุ่มศิลปินดังกล่าว
พ.ต.อ.วันชัย กล่าวต่อไปว่า การดำเนินการในครั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้มอบอำนาจทุกอย่าง เช่น ในการสอบปากคำพยานหลักฐานหรือพยานบุคคล โดยมอบให้ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ เป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ต้องมาแต่อย่างไร
การดำเนินการแจ้งความในครั้งนี้ ได้ระบุรายละเอียดประกอบสำนวน เหตุการณ์หมิ่นประมาทดังกล่าวเกิดขึ้นตอนกลางวัน ของวันอังคารที่ 3 มิถุนายน 2551 ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ แขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร จนมารับทราบการกระทำผิดเมื่อวันอังคารที่ 17 มิถุนายน 2551 โดยเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.เพทาย พุ่มเจริญ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองชลบุรี ในวันดังกล่าว และขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการและไม่สามารถให้รายละเอียดอะไรเพิ่มเติมได้มากกว่านี้
แหล่งข่าวในวงการทนายความเผยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องตรวจสอบ ว่า มีการมอบอำนาจเป็นลายลักษณ์อักษรจริงหรือไม่ เพราะเป็นที่ทราบกันว่า ว่า พ.ต.ท ทักษิณ ไม่ได้อยู่ในประเทศไทยแล้ว และกำลังอยู่ในระหว่างการถูกออกหมายจับทั่วประเทศอยู่ หากรู้ต้องแจ้งให้ตำรวจทราบ มิฉะนั้น จะต้องถูกดำเนินคดีฐานให้ที่พักพิงหรือที่หลบซ่อนแก่ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ และถ้าตำรวจที่รับแจ้งความทราบว่ามีผู้รู้เบาะแสของทักษิณแล้ว ไม่ดำเนินการใดๆ ก็คงต้องโดนข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ด้วย
พ.ต.อ.วันชัย เอกพรพิชญ์ ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธร จังหวัดชลบุรี เปิดเผยถึงกรณีที่ นายปรัชญา เกษมเสนาะ ได้มาแจ้งความดำเนินคดีไว้ทั้งสิ้น 9 คดี กับผู้บริหารและพนักงานของบริษัท เอเอสทีวี (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ไทยเดย์ด็อทคอม จำกัด และศิลปินกู้ชาติ ในความผิดร่วมกันหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา หรือกระทำโดยการกระจายเสียง หรือกระจายภาพ หรือกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่นใด โดยน่าจะทำให้ได้รับความเสียหาย เพื่อรับโทษตามกฎหมายจนกว่าคดีจะถึงที่สุด เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2551 โดยแจ้งว่าได้มอบหมายจาก พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ซึ่งได้รับมอบอำนาจ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร ให้ดำเนินคดีกับบริษัทและกลุ่มศิลปินดังกล่าว
พ.ต.อ.วันชัย กล่าวต่อไปว่า การดำเนินการในครั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้มอบอำนาจทุกอย่าง เช่น ในการสอบปากคำพยานหลักฐานหรือพยานบุคคล โดยมอบให้ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ เป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ต้องมาแต่อย่างไร
การดำเนินการแจ้งความในครั้งนี้ ได้ระบุรายละเอียดประกอบสำนวน เหตุการณ์หมิ่นประมาทดังกล่าวเกิดขึ้นตอนกลางวัน ของวันอังคารที่ 3 มิถุนายน 2551 ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ แขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร จนมารับทราบการกระทำผิดเมื่อวันอังคารที่ 17 มิถุนายน 2551 โดยเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.เพทาย พุ่มเจริญ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองชลบุรี ในวันดังกล่าว และขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการและไม่สามารถให้รายละเอียดอะไรเพิ่มเติมได้มากกว่านี้
แหล่งข่าวในวงการทนายความเผยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องตรวจสอบ ว่า มีการมอบอำนาจเป็นลายลักษณ์อักษรจริงหรือไม่ เพราะเป็นที่ทราบกันว่า ว่า พ.ต.ท ทักษิณ ไม่ได้อยู่ในประเทศไทยแล้ว และกำลังอยู่ในระหว่างการถูกออกหมายจับทั่วประเทศอยู่ หากรู้ต้องแจ้งให้ตำรวจทราบ มิฉะนั้น จะต้องถูกดำเนินคดีฐานให้ที่พักพิงหรือที่หลบซ่อนแก่ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ และถ้าตำรวจที่รับแจ้งความทราบว่ามีผู้รู้เบาะแสของทักษิณแล้ว ไม่ดำเนินการใดๆ ก็คงต้องโดนข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ด้วย
