บุรีรัมย์ – ม็อบเติมเงินบุรีรัมย์ “แก๊งยี้ห้อย” กว่า 500 คน ยังชุมนุมให้กำลังใจและลงชื่อหนุนซากศพ “หมัก” กลับมาเป็นนายกฯ เป็นวันที่ 2 พร้อมระดมเกณฑ์ชาวบ้านให้ได้ 2,000-3,000 คน เตรียมขนเข้ากรุงปักหลักหน้ารัฐสภา คืนนี้ เพื่อต่อต้านกลุ่มพันธมิตรฯ ที่อาจเคลื่อนพลเข้าชุมนุมคัดค้านการประชุมสภา โหวตเลือก “หอกหัก” เป็นนายกฯ อีกรอบ พรุ่งนี้
วันนี้ (11 ก.ย.) เมื่อเวลา 15.30 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมมย์ ชาวบ้านที่ถูกเกณฑ์จากอำเภอต่างๆ ของ จ.บุรีรัมย์ ประมาณ 500 คน ภายใต้การนำของ กลุ่ม ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคพลังประชาชน (พปช.) และนักการเมืองท้องถิ่น กลุ่มของ นายเนวิน ชิดชอบ ยังคงรวมตัวกันชุมนุมเป็นวันที่ 2 เพื่อให้กำลังใจและร่วมกันลงชื่อสนับสนุนให้ นายสมัคร สุนทรเวช กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง หลังถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตัดสินให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ยังได้มีการพยายามระดมเกณฑ์ชาวบ้านมาสมทบให้ได้อีกประมาณ 2,000 -3,000 คน ในการเดินทางเข้าไปร่วมปักหลักชุมนุมที่บริเวณหน้ารัฐสภา กรุงเทพฯ ในคืนนี้ (11 ก.ย.) เพื่อกดดันต่อต้านกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่อาจจะเคลื่อนพลเข้าไปชุมนุมคัดค้านไม่ให้มีการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร โหวตเลือก นายสมัคร สุนทรเวช กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี ในวันพรุ่งนี้ (12 ก.ย.)
โดยกลุ่มผู้ชุมนุม อ้างว่า นายสมัคร สามารถกลับมาดำรงตำแหน่งนายกฯ ได้ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ เพราะไม่ได้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ประกอบกับ นายสมัคร เป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสม และทนแรงเสียดทานของกลุ่มพันธมิตรฯ ได้มากกว่าบุคคลอื่น
นายประกิจ พลเดช อดีต ส.ส.เขต 1 บุรีรัมย์ พรรคพลังประชาชน (พปช.) เพราะคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ใบแดง และแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม กล่าวว่า การชุมนุมของชาวบุรีรัมย์ในครั้งนี้ พร้อมเดินทางเข้าไปร่วมชุมนุมต่อต้านกลุ่มพันธมิตรฯ ที่รัฐสภา กรุงเทพฯ ในวันพรุ่งนี้ (12 ก.ย.) เป็นการแสดงพลังให้เห็นว่า พวกเรายังสนับสนุน นายสมัคร สุนทรเวช ให้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง และขอยืนยันว่า จะหลีกเลี่ยงการประจันหน้า ไม่มีการใช้อาวุธ และความรุนแรง กับกลุ่มพันธมิตรฯ อย่างเด็ดขาด เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียใดๆ ทั้งสิ้น
นายประกิจ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า หาก นายสมัคร ได้กลับเข้าไปเป็นนายกรัฐมนตรี จะยิ่งทำให้เหตุการณ์บ้านเมืองวุ่นวายและเข้าสู่วิกฤตนั้น หากทุกฝ่ายยอมรับกติกาของบ้านเมือง และยึดถือกฎหมายเป็นหลักก็จะไม่เกิดความวุ่นวายแน่นอน ในเมื่อ นายสมัคร ยังเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายเป็นตัวตัดสินก็อยากเรียกร้องให้ฝ่ายอื่นๆ เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายด้วย และเชื่อมั่นว่า ประชาชนส่วนใหญ่คงอยากให้เป็นเช่นนี้เหมือนกัน