ชาวแปดริ้วมึนหน่วยงานรัฐหว่านงบผุดประปาชุมชนซ้ำซ้อนทำโครงการเดิมใกล้เจ๊ง

ฉะเชิงเทรา - ชาวบ้านแปดริ้วมึนหน่วยงานรัฐหว่านงบผุดประปาชุมชนขึ้นซ้ำซ้อน กระทบโครงการแรกเริ่มของเดิมใกล้เจ๊ง หลังถูกแอบฉกลูกค้าจนรายได้หด ไม่พอหล่อเลี้ยงการบริหารจัดการ วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบแก้ไขด่วน

วันนี้ (11 ก.ย.) เวลา 08.30 น. นายวิฑูรย์ ศิริพรมพิศาล อายุ 72 ปี อยู่บ้านเลขที่ 56/1 ม.4 ต.บ้านโพธิ์ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นอดีตผู้ใหญ่ และประธานโครงการประปาหมู่บ้าน ผู้ได้รับงบแรกเริ่ม จัดทำโครงการประปาหมู่บ้าน จากพัฒนาชุมชน กรมการปกครอง ตามโครงการสาธารณสุขชุมชนมูลฐาน เมื่อปีงบประมาณ 2536 จนทำให้คนในหมู่บ้าน 4 หมู่บ้าน (หมู่1,2,3 และ4) รวม 195 ครัวเรือน มีน้ำประปาใช้อย่างเพียงพอในปี 2538

แต่แรกเริ่มทางภาครัฐไม่มีเงินงบประมาณในการส่งเสริมการบริหารจัดการให้โครงการสามารถดำเนินการจ่ายน้ำผ่านท่อได้ จึงมีแต่แท็งก์น้ำและเส้นท่อที่วางผ่านหมู่บ้านเท่านั้น ชาวบ้าน และวัดจึงร่วมกันบริจาคที่ดินที่ใช้ในการสร้างแหล่งน้ำดิบ จำนวนเนื้อที่กว่า 10 ไร่ โดยเปิดโอกาสให้ชาวบ้านทุกครัวเรือนเข้าถือหุ้นในโครงการ เพื่อนำเงินมาใช้จ่ายในการบริหารจัดการ เป็นค่าไฟฟ้าสูบน้ำ ค่าคนงานบำรุงรักษา และนำเงินส่วนที่เหลือจ่ายเป็นเงินปันผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น และนำมาใช้จ่ายในการจัดกิจกรรมในหมู่บ้าน

ต่อมาหลังจากทางเทศบาลตำบลบ้านโพธิ์ ได้ประกาศขยายเขตเทศบาลเข้าครอบคลุมพื้นที่ของหมู่บ้าน จึงได้ทำการจัดสร้างโครงการประปาของทางเทศบาลขึ้นมาอีกแห่งหนึ่ง ด้วยงบประมาณของกรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ขึ้น ในพื้นที่เดียวกัน บนที่ดินของทางวัดที่บริจาคให้กับโครงการประปาหมู่บ้านเดิม และได้แอบลักลอบตัดประสานท่อ แย่งผู้ใช้น้ำไปโดยไม่มีการบอกกล่าวต่อโครงการเดิม เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา (ก.พ.51) จำนวน 100 หลังคาเรือน และเรียกเก็บค่าใช้น้ำในราคาที่ถูกกว่า คือ หน่วยละ 4.50 บาท จากเดิมที่โครงการเก่าเก็บหน่วยละ 6 บาท

หลังจากจำนวนผู้ใช้น้ำลดลงจึงทำให้โครงการเดิมเก็บค่าน้ำได้ไม่เพียงพอกับรายจ่ายที่ยังคงที่ คือ ค่าไฟฟ้าเดือนละ 6,000-7,000 บาท ค่าคนงานดูแลรักษา และจดมิเตอร์เรียกเก็บค่าน้ำ 2 คน คนละ 3,500 บาท ต่อเดือน รวม 7,000 บาท รวมค่าใช้จ่ายประมาณ 14,000 บาทต่อเดือน แต่สามารถเรียกเก็บค่าน้ำได้เพียง 10,000-12,000 บาท จากเดิมที่สามารถเก็บค่าน้ำได้เดือนละกว่า 2 -3 หมื่นบาท

จึงส่งผลทำให้เงินค่าบริหารจัดการประปาหมู่บ้านไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย ต้องประสบปัญหาการขาดทุนติดลบมาทุกเดือน และเมื่อต้นเดือน เม.ย.51 ที่ผ่านมา ตนได้พยายามเข้าไปเจรจาติดต่อกับทางเทศบาลให้เข้ามาช่วยรับผู้ใช้น้ำส่วนที่เหลือไปให้หมดอีก 95 ราย เพื่อเลิกโครงการประปาหมู่บ้านเดิม ทางเทศบาลก็ไม่ยินยอมรับเข้า และหากจะเลิกโครงการในทันทีก็จะมีชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน ไม่มีน้ำใช้ จึงอยากวิ่งวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาจัดการแก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้านด้วย ที่ผ่านมาได้เคยมี สตง. เข้ามาทำการตรวจสอบโครงการซ้ำซ้อนนี้แล้ว แต่เรื่องก็เงียบหายไป ชาวบ้านจึงไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป ที่จะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้