ลิ่วล้อ “พลังแม้ว” เชียงรายป่วนมือดีเผาหนังสือประวัติ “ชินวัตร” ขู่ถึงหน้าบ้าน - ยันไม่เกี่ยว พธม.

ศูนย์ข่าวภาคเหนือ - แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาฯ เมืองพ่อขุนฯ โร่งขึ้นโรงพักแจ้งความถูกข่มขู่จากผู้ไม่หวังดี หลังมือมืดจุดไฟเผาหนังสือประวัติตระกูล “ชินวัตร” ทิ้งถึงหน้าบ้าน พร้อมยืนยันไม่เกี่ยวกับพันธมิตรฯ เพราะพวกเขาเป็นนักเลงทำอะไรเปิดเผยตรงไปตรงมา ไม่ได้ลอบกัดอย่างนี้ แต่เชื่อเป็นคนกันเองที่เคยร่วมกันเคลื่อนไหวทางการเมืองหนุน “แม้ว-หมัก-ไทยรักไทย และพลังประชาชน” มาก่อน

เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (11 ก.ย.) ที่ สภ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย น.ส.จีระนันท์ จันทวงศ์ หรือ “บุ๋ม จอมวางบิล” แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตยจังหวัดเชียงราย ที่เคยถูกคนในเครือข่ายตั้งฉายาผ่านเว็บไซต์เชียร์ไทยรักไทย และรัฐบาลพลังประชาชนมาโดยตลอดว่า “บุ๋ม จอมวางบิล” ได้เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ภูวดิท ไชยมงคล ร้อยเวร สภ.เมืองเชียงราย เพื่อแจ้งความว่าได้ถูกข่มขู่

โดย น.ส.จีระนันท์ ได้นำน้องสาวแท้ๆ คือ นางผุสดี จันทวงศ์ อายุ 29 ปี พร้อมหลักฐานเป็นหนังสือ 1 เล่ม ซึ่งมีสภาพถูกเผา แต่ไหม้ไม่หมดไปแจ้งต่อตำรวจด้วย

ร.ต.อ.ภูวดิท ได้ซักถามรายละเอียดเบื้องต้นได้ความว่า ช่วงเย็่นของวานนี้ (10 ก.ย.) เวลาประมาณ 17.00 น.ขณะอยู่ที่บ้านพักที่หมู่บ้านแม่กรณ์ หมู่ 1 ต.แม่กรณ์ อ.เมือง จ.เชียงราย น.ส.ผุสดี ได้เห็นหนังสือเล่มหนึ่งวางเอาไว้ที่ประตูทางเข้าหน้าบ้านถูกไฟเผาจนควันคลุ้ง จึงเข้าไปดับไฟแต่ไม่เห็นคนเผา จึงได้แจ้งให้ น.ส.จีระนันท์ ได้ทราบพร้อมนำเศษหนังสือดังกล่าวไปให้ด้วย ซึ่งทาง ร.ต.อ.ภูวดิท จึงจดรายละเอียดพร้อมสอบปากคำไว้เป็นหลักฐานเพื่อสืบหาตัวคนที่กระทำการดังกล่าวต่อไป

โดยหนังสือดังกล่าวมีชื่อว่า “ตระกูลชินวัตร” เขียนโดยอภิวัฒน์ ทรัพย์ไพฑูรย์ พิมพ์ครั้งที่ 5 หน้าปกเป็นรูปของครอบครัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมภรรยา และบุตรทุกคน แต่เขียนทับด้วยปากกาเมจิก ด้วยถ้อยคำที่หยาบคายอย่างมาก ซึ่งภายในหนังสือมีเนื้อหาเกี่ยวกับชีวประวัติของคนในตระกูลชินวัตรค่อนข้างละเอียด แต่ไม่ได้มีเนื้อหาโจมตีผู้ใด

อย่างไรก็ตาม หลายหน้าพบมีการใช้ปากกาเมจิกเขียนข้อความด่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และบุคคลที่ชื่อว่า “เจ๊หมวย” หรือ “ร้านรสเยี่ยม” ซึ่งเข้าใจกันว่า คือ นางมติ แซ่อั้ง ประธานชมรมคนรักทักษิณจังหวัดเชียงราย เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัวรสเยี่ยม ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชอบไปทานช่วงที่ยังอยู่ในประเทศไทย

โดยมีข้อความบางส่วน เช่น ไอ้เหลี่ยมผัวอีทอมแก่รสเยี่ยม ทอมแก่มึงเตรียมตัวตาย คนเจียงฮายไม่ได้โง่เหมือนมึงทุกคน มึงคิดหรือว่าคนเหนือจะชอบมึงหมด พวกกูอับอายที่มีนายกฯคนเหนืออย่างมึง เป็นต้น

น.ส.จีระนันท์ กล่าวว่า รู้สึกตกใจที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เพราะไม่เคยมีศัตรูที่ไหน และเรื่องเช่นนี้ก็ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หลังเกิดเหตุการณ์ขึ้น ทำให้เป็นห่วงแม่ที่อาศัยอยู่บ้านหลังดังกล่าว ซึ่งเป็นโรคหัวใจและไม่อยากให้ทำงานด้านการเมือง อย่างไรก็ตาม เมื่อตั้งสติได้แล้วตนก็คิดว่าการกระทำเช่นนี้เป็นการข่มขู่เพื่อหวังให้ตนยุติบทบาทในการเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ และรัฐบาลชุดปัจจบัน รวมทั้งต่อต้านกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.)

น.ส.จีระนันท์ กล่าวย้ำว่า กระนั้นไม่เชื่อว่าจะมาจากฝีมือของกลุ่ม พธม.เพราะพวกเขาเป็นนักเลงทำอะไรเปิดเผยตรงไปตรงมา ไม่ได้ลอบกัดอย่างนี้ แต่น่าจะเป็นคนที่เสียผลประโยชน์จากการออกมาเคลื่อนไหวของตนหรือทำให้พวกเขาไม่มีบทบาทในการเคลื่อนไหวในลักษณะเดียวกันนี้มากกว่า

น.ส.จีระนันท์ กล่าวอีกว่า นอกจากหนังสือที่ถูกเผาแต่ไม่ไหม้ทั้งหมดเพราะฝนตกเสียก่อนแล้ว เนื้อหาที่เขียนข้อความภายในก็มุ่งเขียนโจมตี พ.ต.ท.ทักษิณ และเจ๊หมวย เพียงสองคน ซึ่งตนก็รู้สึกแปลกใจว่าเหตุใดเมื่อไปข่มขู่ตนจึงเขียนข้อความโจมตีบุคคลทั้งสอง แต่เมื่อคิดดูแล้วก็น่าจะเกิดจากการที่บุคคลที่ก่อเหตุรู้ถึงจุดอ่อนของตนอยู่แล้วว่ามีแม่อาศัยอยู่ในบ้านและตนก็เป็นคนห่วงแม่มากด้วยนั่นเอง

“อยากให้คนคนนี้เปิดเผยตัวเอง การทำอย่างนี้ถือว่าไม่แน่จริง ไม่กล้าและไม่ใช่ลูกผู้ชาย ออกมาเล่นกันตัวต่อตัว ไม่ใช่ทำกันลับหลังอย่างนี้ หากไม่พอใจอะไรก็โทรศัพท์มาหาได้เลยตลอดเวลา และยืนยันว่าจะสู้ต่อไปโดยไม่ท้อถอย” แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตยจังหวัดเชียงราย กล่าวและว่า หลังแจ้งความแล้วจะแจ้งเรื่องให้กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตยที่ส่วนกลางให้ได้รับทราบและประสานผู้ใหญ่เพื่อขอคุ้มครองความปลอดภัยที่บ้านต่อไป

รายงานแจ้งว่า ในปัจจุบันกลุ่มที่เคลื่อนไหวสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ และต่อต้านกลุ่ม พธม.ในพื้นที่ จ.เชียงราย เกิดการแตกแยกกันระหว่างกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตยที่มี น.ส.จีระนันท์ เป็นแกนนำ กับกล่มคนเชียงรายฮักประชาธิปไตยที่มี “เฮียแดง” หรือนายคณิต บุญญนสินีเกษม ที่มีการตั้งฉายาจากคนในเครือข่ายเดียวกันแต่แยกคนละกลุ่มว่า “แดง เช็คเด้ง” เป็นแกนนำ โดยทั้งสองฝ่ายต่างแยกกันเคลื่อนไหว