ศูนย์ข่าวศรีราชา – นักวิชาการ มหาวิทยาลัยบูรพา ย้ำ การเมืองไทย ต้องมีการปฏิรูปการเมืองรูปใหม่ โดยประชาชนจะต้องไม่ขึ้นตรงหรือตกเป็นเหยื่อนักการเมือง
นายโอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา กล่าวถึงการเมืองไทยในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ ถือว่าถึงทางตันแล้ว โดยทางออกในขณะนี้ คือ ต้องปฏิรูปการเมืองรูปแบบใหม่ ซึ่งมีหลายหน่วยงานและองค์กรที่เสนอรูปแบบมาแล้วนั้น ก็ต้องนำไปพิจารณาร่วมกันให้มีความเหมาะสมที่สุด เพราะขณะนี้หากใครขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในช่วงนี้ ปัญหาต่างๆ ก็คงจะเกิดขึ้นเหมือนเดิมอย่างแน่นอน
ที่ผ่านมา การเมืองกลายเป็นธุรกิจการเมือง คือ ต้องมีการซื้อสิทธิซื้อเสียง, มีการกระทำผิดกฎหมายการเลือกตั้งในรูปแบบอย่างๆ แต่อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งก็ยังมีความจำเป็นอยู่ แต่ต้องเป็นการเลือกตั้งแนวใหม่ โดยจะต้องกำหนดอัตราส่วนของ ส.ส.จากการเลือกตั้งจำนวน 100 คน และจากกลุ่มสาขาอาชีพจำนวน 300-400 คน
นายโอฬาร กล่าวต่อไปว่า นอกจากนั้น ต้องมีการปฏิรูปสังคมด้วย โดยเฉพาะประชาชนจะต้องไม่ขึ้นตรงกับนักการเมืองระดับชาติหรือระดับท้องถิ่น ที่ให้การช่วยเหลือและสนับสนุน เช่น กรณีจัดหาที่ดินทำกิน, กองทุนให้ความช่วยเหลือต่างๆ เพราะเมื่อเป็นเช่นนั้นการกระทำอะไรต่างๆ ก็จะต้องขึ้นตรงกับบุคคลกลุ่มนั้นอย่างแน่นอน
ด้าน นายประเสริฐ ช่วยแก้ว อาจารย์ภาคประจำวิชานิเทศศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองยังน่าเป็นห่วง แม้ นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี จะถูกพิพากษากรณีดังกล่าวไปแล้วและพ้นจากการเป็นนายกรัฐมนตรี แต่พรรคพลังประชาชนและพรรคร่วมรัฐบาล ยังสนับสนุน และผลักดันให้นายสมัคร กลับเข้ามารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเช่นเดิม
กรณีดังกล่าวมีหลายฝ่ายออกมาตำหนิและไม่สมควรกระทำดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง โดยควรสรรหาบุคคลที่มีความเหมาะสม ไม่มีจุดบกพร่องใดๆ ทางการเมือง ซึ่งละลดกระแสความรุนแรงทางการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ได้ในระดับหนึ่ง แต่หากยังดันทุรังทำบุคคลในพรรคร่วมรัฐบาลขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ปัญหาคงจะทวีความรุนแรงขึ้น
นายประเสริฐ กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้กลุ่มพันธมิตรฯ ได้ประกาศจุดยืนแล้ว และยังจะบริหารรูปแบบเดิม กลุ่มต่างๆ เช่น องค์กรเอกชน, กลุ่มนักศึกษา ก็ยิ่งออกมาเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้เริ่มมีการเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นแล้ว หากยังดื้อรั้นบริหารประเทศรูปแบบนี้ต่อไปอีก
นายโอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา กล่าวถึงการเมืองไทยในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ ถือว่าถึงทางตันแล้ว โดยทางออกในขณะนี้ คือ ต้องปฏิรูปการเมืองรูปแบบใหม่ ซึ่งมีหลายหน่วยงานและองค์กรที่เสนอรูปแบบมาแล้วนั้น ก็ต้องนำไปพิจารณาร่วมกันให้มีความเหมาะสมที่สุด เพราะขณะนี้หากใครขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในช่วงนี้ ปัญหาต่างๆ ก็คงจะเกิดขึ้นเหมือนเดิมอย่างแน่นอน
ที่ผ่านมา การเมืองกลายเป็นธุรกิจการเมือง คือ ต้องมีการซื้อสิทธิซื้อเสียง, มีการกระทำผิดกฎหมายการเลือกตั้งในรูปแบบอย่างๆ แต่อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งก็ยังมีความจำเป็นอยู่ แต่ต้องเป็นการเลือกตั้งแนวใหม่ โดยจะต้องกำหนดอัตราส่วนของ ส.ส.จากการเลือกตั้งจำนวน 100 คน และจากกลุ่มสาขาอาชีพจำนวน 300-400 คน
นายโอฬาร กล่าวต่อไปว่า นอกจากนั้น ต้องมีการปฏิรูปสังคมด้วย โดยเฉพาะประชาชนจะต้องไม่ขึ้นตรงกับนักการเมืองระดับชาติหรือระดับท้องถิ่น ที่ให้การช่วยเหลือและสนับสนุน เช่น กรณีจัดหาที่ดินทำกิน, กองทุนให้ความช่วยเหลือต่างๆ เพราะเมื่อเป็นเช่นนั้นการกระทำอะไรต่างๆ ก็จะต้องขึ้นตรงกับบุคคลกลุ่มนั้นอย่างแน่นอน
ด้าน นายประเสริฐ ช่วยแก้ว อาจารย์ภาคประจำวิชานิเทศศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองยังน่าเป็นห่วง แม้ นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี จะถูกพิพากษากรณีดังกล่าวไปแล้วและพ้นจากการเป็นนายกรัฐมนตรี แต่พรรคพลังประชาชนและพรรคร่วมรัฐบาล ยังสนับสนุน และผลักดันให้นายสมัคร กลับเข้ามารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเช่นเดิม
กรณีดังกล่าวมีหลายฝ่ายออกมาตำหนิและไม่สมควรกระทำดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง โดยควรสรรหาบุคคลที่มีความเหมาะสม ไม่มีจุดบกพร่องใดๆ ทางการเมือง ซึ่งละลดกระแสความรุนแรงทางการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ได้ในระดับหนึ่ง แต่หากยังดันทุรังทำบุคคลในพรรคร่วมรัฐบาลขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ปัญหาคงจะทวีความรุนแรงขึ้น
นายประเสริฐ กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้กลุ่มพันธมิตรฯ ได้ประกาศจุดยืนแล้ว และยังจะบริหารรูปแบบเดิม กลุ่มต่างๆ เช่น องค์กรเอกชน, กลุ่มนักศึกษา ก็ยิ่งออกมาเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้เริ่มมีการเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นแล้ว หากยังดื้อรั้นบริหารประเทศรูปแบบนี้ต่อไปอีก