ศูนย์ข่าวภาคเหนือ - น้ำท่วมแม่สาย-ท่าขี้เหล็กซ้ำซาก ทีบีซีเร่งเสนอสร้างผนังกั้น 2 ฝั่งน้ำ พร้อมขุดลอกลำน้ำสายใหม่
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า รอบเดือนสิงหาคม-กันยายนนี้ ได้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ชายแดนด้าน ต.เวียงพางคำ และ ต.แม่สาย ติดกันหลายครั้งโดยครั้งแรกน้ำได้เข้าท่วมชายแดนเมื่อวันที่ 30-31 ส.ค.จากนั้นได้แห้งลงและกลับไปท่วมอีกหลายครั้งจนผิดสังเกต ล่าสุดเช้าวันนี้ (9 ก.ย.) น้ำจากลำน้ำสายได้เอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือน ร้านค้าตามแนวชายแดนอีกครั้ง ทำให้ชาวบ้านและผู้ประกอบการต่างทำใจกันไปตามๆ กัน เพราะเป็นปรากฎการณ์ที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติในปีนี้เสียแล้ว
อย่างไรก็ตาม น้ำท่วมครั้งนี้มีระดับความลึกตั้งแต่ 50 ซม.-1 เมตร ได้สร้างความเสียหายให้กับสินค้าและบ้านเรือนที่อยู่ริมฝั่งโดยเฉพาะในซอยสายลมจอยตั้งแต่หมู่บ้านถ้ำผาจม หมู่ 1 ต.เวียงพางคำ เรื่อยมาจนถึงชุมชนสายลมจอยและตลาดชายแดนริมสะพานข้ามลำน้ำสายซึ่งเชื่อมไทยกับพม่า
เนื่องจากร้านค้ากว่า 50 แห่งตามริมฝั่งต่างไม่ได้นอนเฝ้าร้านในช่วงกลางคืน และเตรียมไปเปิดร้านในช่วงเช้าทำให้สินค้าเสียหายเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้นายไศลยนต์ ศรีสมุทร นายกเทศมนตรี ต.แม่สาย ได้เข้าเจรจากับร้านค้าและบ้านเรือนของชาวบ้านริมฝั่งเพื่อขอสร้างพนังกั้นในบางจุด โดยเฉพาะใต้สะพานลำน้ำสายเพื่อลดการไหลของน้ำเข้าสู่ชุมชนไม้ลุงขนและเกาะทราย ทำให้ลดความเสียหายได้อย่างมาก
นายไศลยนต์ กล่าวว่า เป็นปัญหาใหญ่เมื่อในปีนี้เกิดน้ำท่วมแม่สายหลายรอบโดยครั้งล่าสุดถือเป็นครั้งที่ 4 แล้ว ทั้งนี้ ตามปกติน้ำจะท่วมแม่สายทุกเดือน ก.ย.ของทุกปี แต่ปีนี้เริ่มท่วมปลายเดือน ส.ค.และเกิดขึ้นหลายรอบ ดังนั้นมาตรการป้องกันและแก้ไขจึงมีอย่างต่อเนื่อง โดยมาตรการภายในคือการเจรจากับชาวบ้านที่เคยไม่ให้ความร่วมมือในการสร้างพนัง ซึ่งในระยะหลังๆ ต่างให้ความร่วมมือเพราะโดนผลกระทบมาแล้วหลายรอบ รวมทั้งเตรียมกระสอบทรายเมื่อเกิดปัญหาเอาไว้กว่า 8,000 กระสอบ จัดเวรยามเฝ้าระวัง
ส่วนระยะยาวพบว่า คณะกรรมการประสานงานชายแดนไทย-พม่า ระดับท้องถิ่น หรือทีบีซี ได้มีการหารือกันไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยฝ่ายพม่าเสนอให้มีการรื้อฝายในล้ำน้ำสาย ที่สร้างเอาไว้เสียเพราะเป็นสาเหตุให้น้ำท่วม จ.ท่าขี้เหล็ก และฝ่ายไทยก็เสนอให้ทำการขุดลอกแทนโดยจะเป็นผู้รับผิดชอบด้านงบประมาณเองทั้งหมด เมื่อทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันเช่นนี้ทางทีบีซี.ของพม่าก็เสนอให้ทางประเทศไทยเสนอไปยังกระทรวงการต่างประเทศพม่าเพื่อนำเสนอไปยังรัฐบาลพม่าตามขั้นตอนต่อไป
“ระหว่างนี้ทางกรมโยธาธิการและผังเมืองอยู่ระหว่างศึกษาเบื้องต้นเพื่อจัดทำรายงานเบื้องต้นเสนอต่อรัฐบาล และให้ทางเทศบาล ต.แม่สาย ได้มีส่วนร่วมเอาไว้อีกฉบับหนึ่ง โดยขณะนี้ได้ออกแบบให้มีการสร้างพนังถาวรทั้งสองฝั่งประเทศและขุดลอก ซึ่งหากได้รับการอนุมัติก็คงแก้ไขปัญหาได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตามผมไม่มั่นใจว่าจะแก้ไขได้เต็มที่หรือไม่ เพราะสภาพลำน้ำสายในอดีตเคยกว้างนับ 100 เมตร แต่ปัจจุบันคับแคบเพราะมีการรุกฝั่งกันทั้งฝั่งไทยและพม่า มีการตัดไม้ทำลายป่า เกิดปัญหาโลกร้อนทำให้ปริมาณน้ำมีมากแต่ก็คงต้องรอดูกันต่อไป”
รายงานข่าวแจ้งว่า วันเดียวกันน้ำป่าได้จากดอยนางนอนเข้าท่วมหมู่บ้านจ้อง หมู่ 9 ต.โป่งผา อ.แม่สาย ทำให้บ้านเรือนจำนวนมากประสบกับปัญหาน้ำท่วมขังและน้ำยังท่วมโรงเรียนบ้านจ้องทำให้ทางโรงเรียนประกาศให้หยุดทำการเรียนการสอนชั่วคราวเป็นเวลา 1 วันด้วย
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า รอบเดือนสิงหาคม-กันยายนนี้ ได้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ชายแดนด้าน ต.เวียงพางคำ และ ต.แม่สาย ติดกันหลายครั้งโดยครั้งแรกน้ำได้เข้าท่วมชายแดนเมื่อวันที่ 30-31 ส.ค.จากนั้นได้แห้งลงและกลับไปท่วมอีกหลายครั้งจนผิดสังเกต ล่าสุดเช้าวันนี้ (9 ก.ย.) น้ำจากลำน้ำสายได้เอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือน ร้านค้าตามแนวชายแดนอีกครั้ง ทำให้ชาวบ้านและผู้ประกอบการต่างทำใจกันไปตามๆ กัน เพราะเป็นปรากฎการณ์ที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติในปีนี้เสียแล้ว
อย่างไรก็ตาม น้ำท่วมครั้งนี้มีระดับความลึกตั้งแต่ 50 ซม.-1 เมตร ได้สร้างความเสียหายให้กับสินค้าและบ้านเรือนที่อยู่ริมฝั่งโดยเฉพาะในซอยสายลมจอยตั้งแต่หมู่บ้านถ้ำผาจม หมู่ 1 ต.เวียงพางคำ เรื่อยมาจนถึงชุมชนสายลมจอยและตลาดชายแดนริมสะพานข้ามลำน้ำสายซึ่งเชื่อมไทยกับพม่า
เนื่องจากร้านค้ากว่า 50 แห่งตามริมฝั่งต่างไม่ได้นอนเฝ้าร้านในช่วงกลางคืน และเตรียมไปเปิดร้านในช่วงเช้าทำให้สินค้าเสียหายเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้นายไศลยนต์ ศรีสมุทร นายกเทศมนตรี ต.แม่สาย ได้เข้าเจรจากับร้านค้าและบ้านเรือนของชาวบ้านริมฝั่งเพื่อขอสร้างพนังกั้นในบางจุด โดยเฉพาะใต้สะพานลำน้ำสายเพื่อลดการไหลของน้ำเข้าสู่ชุมชนไม้ลุงขนและเกาะทราย ทำให้ลดความเสียหายได้อย่างมาก
นายไศลยนต์ กล่าวว่า เป็นปัญหาใหญ่เมื่อในปีนี้เกิดน้ำท่วมแม่สายหลายรอบโดยครั้งล่าสุดถือเป็นครั้งที่ 4 แล้ว ทั้งนี้ ตามปกติน้ำจะท่วมแม่สายทุกเดือน ก.ย.ของทุกปี แต่ปีนี้เริ่มท่วมปลายเดือน ส.ค.และเกิดขึ้นหลายรอบ ดังนั้นมาตรการป้องกันและแก้ไขจึงมีอย่างต่อเนื่อง โดยมาตรการภายในคือการเจรจากับชาวบ้านที่เคยไม่ให้ความร่วมมือในการสร้างพนัง ซึ่งในระยะหลังๆ ต่างให้ความร่วมมือเพราะโดนผลกระทบมาแล้วหลายรอบ รวมทั้งเตรียมกระสอบทรายเมื่อเกิดปัญหาเอาไว้กว่า 8,000 กระสอบ จัดเวรยามเฝ้าระวัง
ส่วนระยะยาวพบว่า คณะกรรมการประสานงานชายแดนไทย-พม่า ระดับท้องถิ่น หรือทีบีซี ได้มีการหารือกันไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยฝ่ายพม่าเสนอให้มีการรื้อฝายในล้ำน้ำสาย ที่สร้างเอาไว้เสียเพราะเป็นสาเหตุให้น้ำท่วม จ.ท่าขี้เหล็ก และฝ่ายไทยก็เสนอให้ทำการขุดลอกแทนโดยจะเป็นผู้รับผิดชอบด้านงบประมาณเองทั้งหมด เมื่อทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันเช่นนี้ทางทีบีซี.ของพม่าก็เสนอให้ทางประเทศไทยเสนอไปยังกระทรวงการต่างประเทศพม่าเพื่อนำเสนอไปยังรัฐบาลพม่าตามขั้นตอนต่อไป
“ระหว่างนี้ทางกรมโยธาธิการและผังเมืองอยู่ระหว่างศึกษาเบื้องต้นเพื่อจัดทำรายงานเบื้องต้นเสนอต่อรัฐบาล และให้ทางเทศบาล ต.แม่สาย ได้มีส่วนร่วมเอาไว้อีกฉบับหนึ่ง โดยขณะนี้ได้ออกแบบให้มีการสร้างพนังถาวรทั้งสองฝั่งประเทศและขุดลอก ซึ่งหากได้รับการอนุมัติก็คงแก้ไขปัญหาได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตามผมไม่มั่นใจว่าจะแก้ไขได้เต็มที่หรือไม่ เพราะสภาพลำน้ำสายในอดีตเคยกว้างนับ 100 เมตร แต่ปัจจุบันคับแคบเพราะมีการรุกฝั่งกันทั้งฝั่งไทยและพม่า มีการตัดไม้ทำลายป่า เกิดปัญหาโลกร้อนทำให้ปริมาณน้ำมีมากแต่ก็คงต้องรอดูกันต่อไป”
รายงานข่าวแจ้งว่า วันเดียวกันน้ำป่าได้จากดอยนางนอนเข้าท่วมหมู่บ้านจ้อง หมู่ 9 ต.โป่งผา อ.แม่สาย ทำให้บ้านเรือนจำนวนมากประสบกับปัญหาน้ำท่วมขังและน้ำยังท่วมโรงเรียนบ้านจ้องทำให้ทางโรงเรียนประกาศให้หยุดทำการเรียนการสอนชั่วคราวเป็นเวลา 1 วันด้วย
