xs
xsm
sm
md
lg

หางโผล่ “ตร.แปดริ้ว” ชี้รถ ผบก.ซิ่งฝ่าไฟแดงเสยท้ายรถ ปชช.ไม่ผิด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ฉะเชิงเทรา - หนุ่มแท็กซี่เหยื่อรถ “ผบก.แปดริ้ว” ซิ่งฝ่าสัญญาณไฟแดงเสยท้ายย่นโอด ตำรวจชี้มั่วให้ยอมรับเป็นฝ่ายผิดทั้งที่รถตราโล่วิ่งฝ่าสัญญาณไฟแดง เผยถูกตำรวจหลากหลายระดับรุมล้อมทั้งขู่เข็ญบังคับให้เซ็นยินยอมรับสารภาพเป็นฝ่ายผิด แถมถูกเรียกเก็บค่าใช้จ่ายยกลากรถโดยไม่จำเป็น ก่อนจำใจยอมรับ เพราะทนแรงกดดันไม่ไหว ฝืนขับคลานรถแท็กซี่คู่ใจกลับเข้าเมืองกรุง

วันนี้ (9 ก.ย.) เวลา 11.00 น. นายอภิเชษฐ์ สุรธรรมจรรยา อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 95/7 ม.5 ต.หนองงูเหลือม อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม คนขับรถแท็กซี่โตโยต้า โคโรลล่า อัลติส สีส้มแดง ทะเบียน ทร-2886 กทม.คู่กรณีอุบัติเหตุถูกรถแคมรี่ตราโล่ ทะเบียน 00280 ซึ่งเป็นรถประจำตำแหน่งของ พล.ต.ต.สุรพงษ์ กายตะวัน ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา ที่ขับฝ่าสัญญาณไฟแดงเฉี่ยวชนจนด้านท้ายรถยุบพังเสียหายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นหญิง 6 ราย เมื่อเช้าวานนี้ (8 ก.ย.) เปิดเผยว่า หลังจาก ร.ต.ท.เนธิวัตร ภูบานชื่น ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองฉะเชิงเทรา เดินทางมาสอบสวนยังที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยสารวัตรจราจรและเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรอีกจำนวนหลายนายได้พยายามกล่าวหาว่า ตนเป็นฝ่ายผิดในข้อหา “เป็นผู้ขับรถกีดขวางการจราจร”

ทั้งที่ ตนได้รับสัญญาณไฟเขียวให้ตรงไปหรือเลี้ยวขวายูเทิร์นกลับรถ นอกจากนี้ร่องรอยในจุดที่ถูกชนนั้นอยู่ในเลนที่ 3 ซึ่งเป็นเลนที่รถขาเข้าจะขับตรงมาต้องหยุดรอสัญญาณไฟ ไม่ใช่ช่องทางที่ 5 ซึ่งเป็นเส้นทึบให้รถทางตรงผ่านไปได้ตลอด

นอกจากนี้ หลังเกิดเหตุยังมีตำรวจระดับชั้นประทวนที่มาถึงที่เกิดเหตุก่อน ยังบอกด้วยว่ารถของตนตั้งลำเข้าทางตรงแล้วไม่ใช่ฝ่ายผิด แต่เขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวจึงได้ออกจากที่เกิดเหตุไปหลังจากร้อยเวรมาถึง

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนไม่คิดว่าคนระดับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ไม่น่าจะทำกับตนได้ถึงขนาดนี้น่าจะคิดว่าช่วยลูกช่วยหลานบ้าง ซึ่งตนต้องถูกตำรวจรุมล้อมทั้งขู่บังคับให้ยินยอมรับสารภาพให้เซ็นยอมรับว่าเป็นฝ่ายผิด ซึ่งตนคิดว่าหากข้าราชการเป็นกันแบบนี้ก็ป่วยการที่จะเสียเวลาสู้ต่อไป จึงจำใจเซ็นยินยอมรับว่าเป็นฝ่ายผิดไป และทนขับพารถที่ถูกชนท้ายพังยับเยินเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ

นอกจากนี้ ทางตำรวจยังได้เรียกเก็บค่าลากรถออกจากที่เกิดเหตุจากจุดที่ถูกชนไปยังที่เก็บรถเอกชนของ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ระยะทางแค่เพียงประมาณ 800 เมตรในราคาแพงถึง 1,500 บาท ทั้งที่รถของตนยังสามารถขับคลานไปได้ และเรียกเก็บเงินค่าปรับข้อหาขับรถโดยประมาทอีก 1,000 บาท แต่ตนได้ต่อรองเหลือ 500 บาท

สำหรับรถประจำตำแหน่ง ผบก.คู่กรณีนั้นประกันภัยชั้น 2 ของตนที่รับซ่อมเฉพาะฝ่ายตรงข้าม เป็นฝ่ายรับภาระซ่อมให้ ส่วนรถของตนที่เสียหายมากนั้นตนจะต้องเป็นฝ่ายซ่อมเอง ซึ่งคาดว่าต้องเสียค่าใช้จ่ายไม่ต่ำกว่า 3-4 หมื่นบาท

“อยากวิงวอนขอความเห็นใจที่ท่านถือว่าเป็นข้าราชการระดับสูงชั้นผู้ใหญ่แล้ว ให้ช่วยเหลือซ่อมรถให้ตนบ้าง เพราะตนยังมีภาระที่จะต้องหาเงินส่งค่างวดรถถึงเดือนละ 18,900 บาท และเมื่อรถเกิดอุบัติเหตุถูกชนพังเสียหายก็ไม่สามารถใช้วิ่งออกหาเงินได้” นายอภิเชษฐ์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น