ศูนย์ข่าวขอนแก่น - นักวิชาการเพื่อประชาธิปไตย ม.ขอนแก่น ค้านรัฐบาลตั้งข้อหากบฏกับ 9 แกนนำพันธมิตรฯ ระบุไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง เหตุไม่เข้าข่ายความผิดมาตรา 113 และ 114 ที่ใช้กำลังอาวุธทำรัฐประหาร ชี้พฤติกรรมรัฐขัดขวางพัฒนาการของการเมืองภาคประชาชนในระบอบประชาธิปไตย จี้รัฐอย่าใช้สื่อรัฐทั้ง NBT และคลื่น 105 ปลุกระดมประชาชนเข่นฆ่ากัน แนะพันธมิตรฯ ตำรวจ ทหาร รัฐบาล ยึดการเจรจาสู่สันติวิธี
วันนี้ (28 ส.ค.) ที่ห้องประชุมชั้น 1 สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยขอนแก่น กลุ่มนักวิชาการจากคณะต่างๆ ภายในมหาวิทยาลัยขอนแก่น ในนามกลุ่มนักวิชาการเพื่อประชาธิปไตย มหาวิทยาลัยขอนแก่นประมาณ 20 คน เช่น รศ.นพ.ชวลิต ไพโรจน์กุล, ดร.สมศักดิ์ หอมดี, นายสัมพันธ์ เตชะอธิก, นายกิตติบดี ใยมูล ผศ.นพ.เฉลิมชัย ภิญญานุรักษ์ นายวรนันท์ บุนนาค, ผศ.นพ.ภัทรวุฒิ วัฒนศัพท์, ดร.สมศักดิ์ หอมดี ฯลฯ ได้ประชุมหารือถึงสถานการณ์ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ชุมนุมปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลมาตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค.และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งข้อหากบฏกับแกนนำ 9 คน โดยใช้เวลาหารือประมาณ 1 ชั่วโมงและได้แถลงการณ์ต่อสื่อมวลชน
รศ.รวี หาญเผชิญ รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยว่า สถานการณ์การตั้งข้อหากบฏกับแกนนำพันธมิตรฯ 9 คน กลุ่มนักวิชาการเพื่อประชาธิปไตย มหาวิทยาลัยขอนแก่น เห็นว่าเป็นข้อกล่าวหาที่เกินเลย ไม่ชอบธรรมและไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง เนื่องด้วยกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ได้กระทำผิดและเข้าองค์ประกอบความผิดของมาตรา 113 และ 114
การยึดอำนาจรัฐโดยใช้กองกำลังอาวุธทำรัฐประหาร หรือใช้อาวุธปืนจี้บังคับผู้นำประเทศให้ลงจากอำนาจและประกาศจัดตั้งรัฐบาล จึงไม่เข้าข่ายหรือรูปการของการเป็นกบฏแต่อย่างใด การตั้งข้อหากบฏเหมือนในอดีต กรณี 14 ตุลาคม 2516 เป็นข้อหาที่ล้าหลัง เป็นเผด็จการ ถือเป็นการขัดขวางพัฒนาการของการเมืองภาคประชาชนในระบอบประชาธิปไตย และนำไปสู่ความรุนแรง ดังนั้นข้อหากบฏจึงเป็นข้อหาไม่ชอบ สมควรยกเลิกทันที
การชุมนุมของพันธมิตรฯ เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญและระบอบประชาธิปไตย การบุกเข้าไปยึดทำเนียบฯ อันเป็นมาตรการผลักดันให้รัฐบาลที่มีนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรีลาออก ความผิดมีเพียงแค่การบุกรุกสถานที่ราชการ และขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของราชการ ซึ่งรัฐบาลต้องใช้กระบวนการยุติธรรมจัดการต่อไป
อนึ่ง การใช้ความรุนแรงในการปราบปราม โดยตำรวจหรือทหารต่อกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ประกอบด้วยผู้หญิง คนชรา จำนวนมากหลายหมื่นหลายแสนคน นับเป็นเรื่องไม่จำเป็นและไม่สมควรอย่างยิ่ง กลุ่มนักวิชาการเพื่อประชาธิปไตยฯ ขอให้ตำรวจและทหารได้คำนึงถึงมนุษยธรรม และขอคัดค้านการใช้อาวุธปราบปรามประชาชนทุกรูปแบบ
กลุ่มนักวิชาการเพื่อประชาธิปไตย มหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความห่วงใยและวิตกต่อสถานการณ์การชุมนุมเป็นอย่างยิ่งและอยากให้เรื่องจบลงด้วยดี ไม่ก่อให้เกิดความสูญเสียต่อประชาชนและประเทศจนเป็นบาดแผลที่ลึกในใจยากแก่การเยียวยารักษา ตำรวจ ทหาร รัฐบาลและกลุ่มพันธมิตรฯ ต้องช่วยกันไม่ใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ การเจรจาระหว่างพันธมิตรฯกับรัฐบาลเพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาโดยสันติวิธี
กลุ่มนักวิชาการเพื่อประชาธิปไตย มหาวิทยาลัยขอนแก่น ขอเรียกร้องไม่ให้รัฐบาลใช้สื่อของรัฐ เช่น NBT วิทยุคลื่น 105 เครือข่ายกรมประชาสัมพันธ์ ในการให้ข้อมูลที่บิดเบือน และปลุกระดมประชาชนให้มาเข่นฆ่าซึ่งกันและกัน แต่ควรใช้เพื่อการสร้างความเข้าใจที่ดีต่อกัน