xs
xsm
sm
md
lg

ม.เที่ยงคืนประณามพันธมิตรฯยึด NBT ทำลายประชาธิปไตย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวเชียงใหม่- นักวิชาการมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ออกแถลงการณ์ประณามพันธมิตรฯบุกยึด NBT-สถานที่ราชการ ชี้เป็นการทำลายหลักการประชาธิปไตย เรียกร้องรัฐใช้กฎหมายจัดการ แต่ห้ามใช้ความรุนแรง พร้อมย้ำทางเลือกรัฐประหารไม่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาได้

วันนี้ (26 ส.ค.) ที่คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กลุ่มนักวิชาการมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน นำโดย อาจารย์สมเกียรติ ตั้งนะโม อธิการบดีมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน รองศาสตราจารย์ สมชาย ปรีชาศิลปกุล และอาจารย์อรรถจักร สัตยานุรักษ์ ได้ร่วมกันอ่านแถลงการณ์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน เรื่อง “ขอประณามการเคลื่อนไหวที่นำสังคมไทยไปสู่หายนะ”

เนื้อหาโดยสรุปของแถลงการณ์ฉบับนี้ ได้ประณามการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในกรณีบุกเข้ายึดสถานีโทรทัศน์ รวมทั้งการบุกเข้ายึดสถานที่ราชการและการใช้กำลังคุกคามเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อปกป้องผู้กระทำผิด ซึ่งเห็นว่าเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ก้าวพ้นสิ่งที่เรียกว่า “อารยะขัดขืน” ไปสู่การกระทำที่เป็น “อนารยะขัดขืน” หรือการฝ่าฝืนกฎหมายโดยปราศจากความชอบธรรมและไม่เคารพสิทธิของสังคมโดยรวม ซึ่งเป็นการกระทำที่จะนำพาสังคมไทยไปสู่ความหายนะอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ได้มีความเห็นต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น 4 ข้อ ได้แก่ ข้อ 1.ขอประณามการกระทำของพันธมิตรฯ ที่ใช้ความรุนแรงในการบุกเข้ายึดสถานีโทรทัศน์อันเป็นการทำลายหลักการเสรีภาพในการสื่อสารมวลชนและทำลายสิทธิในการสื่อสารของฝ่ายต่างๆ ในสังคม ข้อ 2.ขอเรียกร้องกับสังคมไทยให้ไตร่ตรองและใช้สติกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรอบคอบ เนื่องจากเป็นการกระทำที่นำไปสู่การสร้างความรุนแรงและอาจนำพาสังคมไทยไปสู่ความหายนะมากขึ้น

ข้อ 3.ต้องมีการบังคับใช้กฎหมายที่คุ้มครองสิทธิของประชาชนเพื่อไม่ให้บ้านเมืองตกอยู่ในสภาวะไร้ขื่อแป และอาจนำไปสู่การจลาจลในหมู่ประชาชน และข้อ 4.การแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ไม่อาจแก้ได้ด้วยกำลัง การรัฐประหาร หรือการใช้วิธีอื่นใดที่ไม่ใช่วิถีทางตามระบอบประชาธิปไตย ดังที่สังคมไทยเคยได้ประสบมาแล้วจากเหตุการณ์ 19 กันยายน 2549

รองศาสตราจารย์สมชาย กล่าวว่า การกระทำของพันธมิตรฯ โดยเฉพาะการบุกเข้ายึดสถานีโทรทัศน์ NBT เป็นการทำลายหลักการประชาธิปไตยโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะมีการใช้ความรุนแรงหรือการทุบทำลายทรัพย์สินหรือไม่ก็ตาม ทั้งนี้ จึงอยากเรียกร้องให้มีการใช้กฎหมายเท่าที่มีอยู่เข้าจัดการกับผู้กระทำความผิดอย่างเด็ดขาด แต่ไม่ได้หมายถึงการใช้ความรุนแรงเข้าจัดการกับการกลุ่มผู้ชุมนุม

ขณะเดียวกัน รองศาสตราจารย์ สมชาย แสดงความเห็นว่า ไม่สามารถบอกได้ว่าจากสถานการณ์ในเวลานี้จะนำไปสู่การก่อรัฐประหารหรือไม่ แต่โดยส่วนตัวเห็นว่าการก่อรัฐประหาร ไม่ว่าจะโดยฝ่ายใดก็ตามไม่ได้เป็นทางออกของปัญหาที่เกิดขึ้นในเวลานี้ เพราะตัวอย่างจากการก่อรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 แสดงให้เห็นแล้วว่าไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาความแตกแยกในสังคมที่ถูกแบ่งเป็น 2 ฝ่ายแต่อย่างใด และหากมีการรัฐประหารเกิดขึ้นจะเป็นการซ้ำเติมปัญหาให้เกิดความรุนแรงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ส่วนกรณีที่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้สื่อมวลชนเลือกข้างได้แล้วจากกรณีที่เกิดขึ้นในเวลานี้นั้น มองว่า หากการเรียกร้องดังกล่าวหมายถึงการต้องเลือกที่จะอยู่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแล้วเห็นว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งส่วนตัวเห็นว่าการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนในสถานการณ์เช่นนี้จะต้องทำหน้าที่ในการรายงานข่าวและข้อมูลข่าวสารอย่างตรงไปตรงมาตามความเป็นจริง

ด้าน อาจารย์สมเกียรติ กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ นั้น น่าจะเป็นความพยายามในการสร้างเงื่อนไข ซึ่งหากรัฐบาลใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหาแล้วเชื่อว่าจะทำให้รัฐบาลตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างแน่นอน ทั้งนี้ เห็นด้วยในการใช้กฎหมายเท่าที่มีอยู่เข้าจัดการกับการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นอยู่ในเวลานี้แทนที่จะใช้ความรุนแรง

ขณะที่ อาจารย์อรรถจักร กล่าวว่า การยึดสถานีโทรทัศน์เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องในสังคมประชาธิปไตย ทั้งนี้ ไม่เห็นด้วยหากทั้งสองฝ่ายจะใช้ท่าทีที่แข็งกร้าวเข้าใส่กัน เพราะไม่ได้เป็นการแก้ไขปัญหาแต่อย่างใด แต่เป็นการเปิดโอกาสให้อำนาจนอกระบบเข้ามาแทรกแซง ซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นมาแล้วว่าไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาใดๆ เลย

นอกจากนี้ มองว่า ในเวลานี้แต่ละฝ่ายกำลังเล่นเกมในการดึงประชาชนเข้าร่วมสนับสนุนให้มากเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับฝ่ายตัวเองในการกระทำสิ่งต่างๆ ซึ่งเห็นว่าสังคมน่าจะมีทางเลือกอื่นมากกว่าการถูกแบ่งแยกเป็น 2 ขั้ว ที่ทำร้ายสังคมไทยมาตั้งแต่ปี 2548
กำลังโหลดความคิดเห็น